ดีเบต! คู่ชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ โต้กันเรื่องความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ-การเหยียดผิว

23 ตุลาคม 2563, 10:12น.



          การประชันวิสัยทัศน์ หรือดีเบต ครั้งสุดท้าย เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 08.04 น.ตามเวลาในประเทศไทย ที่รัฐเทนเนสซี ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และ นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ในการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.2563



-ช่วงแรก ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ต่างตอบโต้กันถึงมาตรการในการรับมือและการแก้ปัญหาโรคโควิด-19  ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ ยืนยันว่า ภายในปีนี้จะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ออกมาได้อย่างแน่นอน ยืนยัน ต้องเปิดประเทศ ขณะที่ นายไบเดน ชูนโยบายการสวมหน้ากากอนามัยและการเปิดประเทศแต่ต้องมีมาตรการรองรับป้องกันการติดเชื้อจะช่วยทำให้สหรัฐฯปลอดภัย



-ช่วงที่สอง เป็นประเด็นเรื่องนโยบายการต่างประเทศ ในกรณีของเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยืนยันว่า เขามีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพราะมีหลายเรื่องที่เห็นตรงกัน ทำให้จนถึงขณะนี้ไม่เกิดสงครามสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ พร้อมทั้งยืนยันเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำต่างชาติ  ขณะที่ นายไบเดน วิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ว่า ใกล้ชิดสนิทสนมสร้างความชอบธรรมให้กับผู้นำเผด็จการที่ถูกนานาชาติโดดเดี่ยว เช่น รัฐบาลเกาหลีเหนือ ทั้งๆที่เป็นที่ทราบกันทั่วโลกว่าเป็นรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนและมุ่งมั่นจะพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือมีขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถโจมตีได้ไกลถึงสหรัฐฯ  นายไบเดน กล่าวว่า เขาจะพบกับนายคิมเฉพาะในกรณีที่ผู้นำเกาหลีเหนือตอบรับเงื่อนไขว่าตกลงจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ในอนาคต เพราะคาบสมุทรเกาหลีเหนือควรจะเป็นพื้นที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์



-ส่วนประเด็นเรื่องการเหยียดผิวในสหรัฐฯ นายไบเดน กล่าวว่า ปัญหาการเหยียดผิวในสหรัฐฯ ฝังรากลึกมานานแล้ว พรรคเดโมแครต มีนโยบายที่ทำมาตลอดคือ ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นผู้นำคนแรกของสหรัฐฯ ที่สร้างความแตกแยก วุ่นวายในสังคม นายไบเดน กล่าวว่าภาครัฐ ควรพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆให้ดีขึ้น เช่น โรงเรียน เรื่องการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ความมั่นคงปลอดภัย ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงในสังคม ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า เขาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯที่ทำประโยชน์ให้กับชาวอเมริกันผิวสีมากที่สุด ยกเว้นนายอับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ประกาศยกเลิกการใช้แรงงานทาส



-ช่วงสุดท้าย เป็นการดีเบตกันเรื่องโลกร้อน ประธานาธิบดีทรัมป์ บอกว่า เขาเป็นคนรักสิ่งแวดล้อม ต้องการให้มีน้ำและอากาศสะอาดที่สุด เรามีตัวเลขการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ต่ำที่สุด พร้อมทั้งกล่าวหาจีนและรัสเซียว่าสร้างมลพิษทางอากาศมากที่สุด ในส่วนสหรัฐฯ ไม่ต้องพึ่งพลังงานจากต่างประเทศ ขณะที่ นายไบเดน กล่าวว่า ทุกคนมีหน้าที่ที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน เพราะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคน เราจะลงทุนกับการแก้ปัญหาโลกร้อน ด้วยการสร้างงานเป็นล้านตำแหน่งมากกว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ สร้างงานถึง 7,000,000 คน การให้ประธานาธิบดีทรัมป์ บริหารประเทศต่ออีก 4 ปี จะยิ่งทำให้ประเทศสหรัฐฯเสียหาย



 




 



 

ข่าวทั้งหมด

X