ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนหรือศปถ.ช่วงเทศกาลปีใหม่2558 เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนในวันแรกนาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สถิติวันแรกของเทศกาลปีใหม่ปีนี้มีอัตราอุบัติเหตุและเสียชีวิตสูงกว่าปีที่แล้ว โดยมีอุบัติเหตุ 508 ครั้ง เป็นอุบัติเหตุใหญ่ 6 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 58 ศพ บาดเจ็บ 517 ราย มากกว่าปีที่แล้ว ที่เกิดอุบัติเหตุ 392 ครั้ง เสียชีวิต 39 ศพ มีผู้บาดเจ็บ 399 ราย
ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุคือ เมาสุรา หลับในและขับรถเร็วเกิดกำหนด ส่วนยาพหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ จักรยานยนต์ ขณะที่จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี 23 ครั้ง ส่วนจ.บุรีรัมย์เป็นจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากสุดที่ 6 ศพ
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ในปีนี้มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาไปตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ทำให้การจราจรในวันที่ 30 ธันวาคมมีความคล่องตัวมากกว่าปกติ ส่วนมาตรการป้องกัน ได้สั่งบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยจะตรวจสอบแอลกฮอลล์พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะทั้งก่อน และระหว่างขับ และพนักงานขับรถต้องเปลี่ยนกันขับทุก 4 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันมีการตั้งจุดตรวจและจุดให้บริการแก่ประชาชนตามเส้นทางต่างๆกว่า 2,200จุด โดยจะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งวันแรกได้ดำเนินคดีผู้ผิดกฎหมายไปแล้ว76,000ราย ได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ถึงการใช้ถนนทางเลือกต่างๆ ซึ่งประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางและแจ้งอุบัติเหตุจราจรได้ที่ 1356 สายด่วนคมนาคม และ 1784 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยืนยันว่ายาพาหนะที่จัดไว้อยู่ เพียงพอต่อการรองรับประชาชนในการเดินทางและจะมีการตรวจสอบอุบัติเหตุเป็นระยะ
ส่วนการป้องกันอุบัติเหตุทางอากาศ ได้ประสานงานกับกรมการบินพลเรือนให้ตรวจเช็ดสภาพเครื่องบินและลูกเรือ ส่วนการบินเชื่อว่าไม่มีความน่าเป็นห่วง เพราะทุกสายการบินมีมาตรฐานระดับสากล และได้สั่งให้ประสานกับกรมอุตุนิมวิทยาทั้งในและนอกประเทศเพื่อตรวจสอบสภาพอากาศก่อนที่จะทำการบิน โดยส่วนตัวทราบมาว่าภายใน 2 สัปดาห์จะมีพายุเข้า จึงได้สั่งให้มีมาตรการตรวจสอบเป็นระยะ ส่วนการสูญหายของเครื่องบินอินโดนีเซีย ไทยพร้อมที่จะช่วยเหลือทันทีหากได้รับการประสานงาน ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมได้มอบของขวัญให้ประชาชนด้วยการเปิดให้บริการทางหลวงพิเศษหมายเลข 7และ 9 และให้บริการทางด่วนพิเศษฟรีด้วย
ธีรวัฒน์ /ภาพ-ข่าว