นายโจนาธาน ออสตรี รักษาการผู้อำนวยการสาขาเอเชีย-แปซิฟิกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีนี้ ตลอดถึงปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และความขัดแย้งในหลายๆเรื่องระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะทำให้ประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิกประสบภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจหนักที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2541 พร้อมปรับลดตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในปีนี้มาที่ลบร้อยละ 2.2 จากเดิมลบร้อยละ 1.6 โดยการลงทุนในอัตราที่ต่ำของภาคเอกชนจะส่งผลให้เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอ่อนแอต่อเนื่องในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่ไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในแถบนี้จะเริ่มฟื้นตัว เติบโตร้อยละ 6.9 ในปีหน้า โดยประเทศจีนจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิก หลังตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 3 ของปีนี้เติบโตร้อยละ 4.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่อเนื่องจากการเติบโตร้อยละ 3.2 ในไตรมาส 2 ก่อนหน้านั้นเศรษฐกิจจีนติดลบร้อยละ 6.8 ในไตรมาสแรกของปีนี้หลังการปิดเมืองเพื่อลดการระบาดของโรคโควิด-19
ไอเอ็มเอฟแนะนำว่า ปัญหาเร่งด่วนอย่างหนึ่งที่คณะผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจเอเชียจะต้องทำคือการจัดทำมาตรการต่างๆเพื่อกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโต ลดการพึ่งพาภาคการส่งออกในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งหลายประเทศมีความคืบหน้าในการจัดทำมาตรการ แต่แนวโน้มทางเศรษฐกิจของหลายประเทศจะไม่สดใสมากนัก เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย เนื่องจากการที่ยังคงเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้
…