ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563

22 ตุลาคม 2563, 09:13น.



23 ต.ค.เริ่มใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง! เหลือสิทธิ์ที่ยังไม่ลงทะเบียนอีกกว่า 3 ล้านคน




          วันพรุ่งนี้ 23 ต.ค.2563 คนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งและผ่านขั้นตอนการตรวจสอบแล้วใช้จ่ายได้เลยวันแรก 23 ต.ค.จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2563 นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการคนละครึ่งมีความพร้อมรองรับระบบการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเริ่มใช้จ่ายแล้ว เมื่อวานนี้ มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว 6,733,557 คน ในจำนวนนี้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งได้รับสิทธิ์ใช้จ่ายตามโครงการ 6,402,927 คน ยังคงเหลือสิทธิ์ให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ประมาณ 3,404,924 คน




          เมื่อประชาชนได้รับข้อความยืนยันสิทธิ์ทางโทรศัพท์มือถือแล้วขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง และยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย จากนั้นเติมเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ตามต้องการเข้า ในแอปฯ เป๋าตัง ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ซื้อสินค้ากับร้านค้าที่มีแอปฯ ถุงเงิน ที่เข้าร่วมโครงการได้ทันที ระหว่างวันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.2563 ในช่วงเวลา 06.00-23.00 น. ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ได้ต่อเนื่องทุกวันจนกว่าจะครบ 10,000,000 คน



          สำหรับร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบเข้าร่วมโครงการและมีแอปฯ ถุงเงินแล้วขอให้อัพเดทแอปฯให้เป็นปัจจุบัน จากนั้นกดปุ่มยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขโครงการก่อนเพื่อให้พร้อมรับการสแกนจ่ายเงินด้วยแอปฯ เป๋าตังของประชาชน โดยขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมแล้วกว่า 300,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ประชาชนสังเกตร้านค้าที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์โครงการคนละครึ่ง ที่หน้าร้านค้าหรือค้นหารายชื่อ และที่ตั้งได้จากเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com 





CR:กระทรวงการคลัง



ศบค.เพิ่มจำนวนที่นั่งคนชมกีฬา-อนุมัติเพิ่ม 3 กลุ่มเข้าประเทศ

          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การสร้างความมั่นใจเรื่องการควบคุมสถานการณ์โควิด -19 ว่า ยังไม่ตัดสินใจเรื่องการลดการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าไทยจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน เพราะต้องหามาตรการรองรับก่อน ต้องพิจารณาว่าจะดำเนินมาตรการทางสุขภาพอย่างไรได้บ้าง



-จัดทำอุปกรณ์สายรัดข้อมือ หรือริสแบรนด์ สำหรับติดตามตัวผู้เดินทาง เพื่อให้เป็นมาตรฐานทันสมัย



-การตรวจเชื้อโควิด-19 ผ่านการเจาะเลือด ซึ่งเป็นวิธีการแบบใหม่ๆ ที่อาจต้องตรวจบ่อยครั้งขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายถูกลง จากเดิมใช้วิธีตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกและคอ หรือ SWAB เพียงอย่างเดียว



          ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.อนุญาตเพิ่มจำนวนที่นั่งสำหรับผู้ที่เข้าชมกีฬา



-สนามกีฬากลางแจ้ง เชียร์เสียงดัง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 50



-สนามกีฬาเชียร์เสียงไม่ดัง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 70



-สนามกีฬาในร่ม เชียร์เสียงดัง เช่น มวย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 30



-สนามกีฬาในร่ม เชียร์เสียงไม่ดัง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 50





          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน กล่าวว่า ศบค.ใช้การประกาศจากกรมควบคุมโรคที่ปรับประกาศประเทศที่เสี่ยงต่ำ กลาง และสูง โดยจะปรับเกณฑ์ตามสถานการณ์ 2 สัปดาห์/ครั้ง ซึ่งประเทศที่เสี่ยงต่ำเป็นประเทศที่เป็นลูกค้าของเรา เช่น จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สวีเดน ฟินแลนด์ โดยเราจะยอมให้กลุ่มเสี่ยงต่ำ และกลางเข้ามา ส่วนกลุ่มเสี่ยงสูงยังไม่อนุญาต ส่วนหน่วยงานที่จะอนุญาตให้ประเทศเหล่านี้เข้ามาได้คือ กระทรวงการต่างประเทศ



โฆษก ศบค.กล่าวว่า กรมสนับสนุนสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงาน 3 รูปแบบที่จะเข้ามา คือ



 -กลุ่ม 1 เมดิคอลสปา Wellness รีสอร์ท และสปารีสอร์ท



-กลุ่ม 2 ผู้สูงอายุที่มาพักผ่อนและดูแลสุขภาพระยะยาว



-กลุ่ม 3 กลุ่มพักผ่อนท่องเที่ยวและเล่นกีฬา เช่น มาพักโรงแรมที่มีสนามกอล์ฟ ซึ่งที่ประชุม ศบค.อนุมัติกลุ่มที่ 1 และ 2 ส่วนกลุ่ม 3 ต้องไปศึกษารายละเอียดก่อน



CR:รัฐบาลไทย



เตรียมเสนอครม.ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้มาตรา 9 ควบคุมโควิด-19



          มติที่ประชุม ศบค.ให้จัดทำข้อเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นครั้งที่ 7 เรียกว่าเป็นการต่อพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉินที่มีการขยายเวลาแบบเดือนต่อเดือนมาตลอด 7 เดือน เนื่องจากความจำเป็นเชื่อมต่อระหว่างภาคส่วนต่างๆ ส่วนกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)โรคติดต่อ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการแก้ไข ยังต้องผ่านกระบวนการการต่างๆ พ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วยให้เราใช้จ่ายงบประมาณดูแลคนที่อยู่ในสถานกักกันของรัฐ( State Quarantine) ที่เราดูแลกันไปกว่าแสนคนที่เป็นคนไม่ป่วย แต่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ใช้กักตัวเฉพาะคนที่ป่วย ดังนั้น เป็นความแตกต่าง และจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมาตราใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ มาตรา 9 ที่เราใช้ควบคุมโรคต่างจากมาตรา 11 ที่ใช้ในสถานการณ์ควบคุมฝูงชน เรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพจริงๆ



ขนส่งฯ ทดสอบความแข็งแรงโครงสร้างรถโดยสาร พบรถยุบถึงพื้นที่เซฟโซนเบาะผู้โดยสาร



          นายยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสังเกตการทดสอบความแข็งแรงโครงสร้างรถโดยสารโดยการพลิกคว่ำ ตามมาตรฐานสากลของข้อกำหนดสหประชาชาติ (United Nation Regulation) UN R66 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามโครงการศึกษาออกแบบโครงสร้างตัวถังรถโดยสารให้มีความแข็งแรงเป็นไปตามหลักมาตรฐานความปลอดภัย โดยศูนย์เทคโนโลยี และวัสดุศาสตร์แห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  เพื่อจัดทำโครงสร้างตัวถังรถโดยสารมาตรฐานต้นแบบให้ผู้ประกอบการอู่ต่อตัวถังและผู้ผลิตตัวถังรถ ที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์ สํานักวิศวกรรมยานยนต์ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี  พบว่า  ผลการทดสอบยังไม่ผ่าน 



          เมื่อทดสอบความแข็งแรงโครงสร้างรถโดยสารโดยการพลิกคว่ำแล้วรถยุบเข้าในพื้นที่ปลอดภัยของที่นั่งผู้โดยสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะการดำเนินการนั้นเมื่อทดสอบและเกิดอุบัติเหตุต้องไม่ส่งผลกระทบกับที่นั่งผู้โดยสารหรือพื้นที่ปลอดภัยภายในรถโดยสาร ดังนั้นจะต้องไปปรับปรุงแก้ไขใหม่ โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ก่อนนำมาทดสอบอีกครั้ง หากผลทดสอบพบว่ามีความปลอดภัยกับผู้โดยสารสามารถได้โครงสร้างตัวถังรถโดยสารมาตรฐานต้นแบบให้ผู้ที่ประกอบการผลิตรถโดยสารนำไปใช้ประโยชน์และดำเนินการต่อไป  



          นายยงยุทธ กล่าวว่า ในอนาคตถ้าผู้ประกอบการ จะประกอบรถโดยสารทุกประเภท ทุกขนาด ทั้งรถโดยสารประจำทาง และรถโดยสารไม่ประจำทาง หรือรถ 30 (รถเช่าเหมา) มาตรฐานชั้นเดียว หรือสองชั้น ต้องส่งโครงสร้างรถโดยสาร พร้อมรายละเอียดรถโดยสารที่จะประกอบ เช่น ขนาดรถโดยสาร ความสูงรถและจำนวนที่นั่ง เพื่อ ขบ. ดำเนินการทดสอบความแข็งแรงโครงสร้างรถโดยสารโดยการพลิกคว่ำให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด ก่อนที่จะนำไปประกอบรถโดยสารไปใช้งานต่อไป  



 



 



 




 

ข่าวทั้งหมด

X