ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563
พรุ่งนี้เข้าสู่ฤดูหนาว
น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พรุ่งนี้กรมอุตุฯ เตรียมออกประกาศ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากประเทศไทยมีอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง2-3 วันที่ผ่านมา ต่ำกว่า23 องศา จึงเป็นเกณฑ์ที่สามารถประกาศเข้าสู่หน้าหนาวได้ ในตัวเมืองจะอยู่ราว 20-23 องศาเซลเซียส ส่วนตามยอดดอยจะต่ำกว่า 20 องศา และในเดือน ธ.ค.63 ถึง ม.ค.64 จะเป็นช่วงหนาวสุด คนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีโอกาสสัมผัสอากาศหนาว อุณหภูมิ 15-16 องศา
ขณะนี้พายุโซนร้อน “โซเดล”มีศูนย์กลางอยู่ทะเลจีนใต้ตอนกลางแล้ว คาดว่าจะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 24 ต.ค.63 และจะค่อยๆอ่อนกำลังลง ในช่วง25-26 ต.ค.และสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ก่อนที่จะเข้าประเทศไทย ส่งผลให้เมฆปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ อีสาน มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่ถึงขั้นตกหนักและมีอากาศเย็นสบาย ในช่วงระหว่างวันที่ 24-26 ต.ค.นี้ เนื่องจากช่วงนี้ประเทศไทย มีอากาศเย็นปกคลุม เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พายุสลายตัวไปก่อนเข้าไทย จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีพายุที่จะส่งผลกระทบไม่ทางตรงหรือทางอ้อมจะมีการออกประกาศเตือนเพื่อให้รับมือ ทั้งนี้ ย้ำว่าพายุโซเดล จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศ และค่อยๆสลายไปเมื่อเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย จึงถือว่าไม่มีความรุนแรง
นายกออกแถลงการณ์ ถอยคนละก้าว ใช้สติและปัญญาแก้ปัญหาร่วมกัน
เมื่อเวลา 19.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทรท.) โดยระบุว่า “ถอยคนละก้าวเข้าสภาใช้สติและปัญญาแก้ปัญหาร่วมกันพร้อมระบุถึงวิธีเดียวที่เราจะได้ทางออกของปัญหาที่จะยุติธรรมสำหรับทุกฝ่ายทั้งสำหรับประชาชนที่ออกมาอยู่บนท้องถนนและสำหรับประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ได้ออกมาคือการพูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน ผ่านระบบและกระบวนการของรัฐสภา โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเปิดประชุมวิสามัญและได้ทูลเกล้าพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาฯแล้ว คาดว่าจะเปิดประชุมสภาฯได้ประมาณวันจันทร์ที่ 26-27 ต.ค.ที่จะถึงนี้ นายกฯ ย้ำกำลังเตรียมที่จะยกเลิก พ.ร.ก สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯเร็วๆ นี้ ยกเว้นหากมีสถานการณ์รุนแรงใดๆเกิดขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีภารกิจสำคัญที่เร่งด่วน นั่นคือ การช่วยกันบรรเทาปัญหาปากท้อง ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากต้องเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ทั่วโลกและในเวลาเดียวกัน ภารกิจที่ต้องเริ่มทำคู่ขนานกันไปก็คือ เราต้องนำเอาประเด็นต่างๆ ที่ถูกพูดถึงว่าควรได้รับการแก้ไขเพื่อผลดีในระยะยาวของประเทศมาเริ่มพูดคุยกันเราต้องรักษาบาดแผลให้ทุเลาลงก่อนที่มันจะบาดลึกมากไปกว่านี้
นายกฯ ยังไม่ตัดสินใจเรื่องลดการกักตัว เตรียมเพิ่มวิธีเจาะเลือด ตรวจหาเชื้อโควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ากำลังหารือถึงข้อเสนอให้ลดการกักกันตัวผู้ที่เดินทางเข้าไทยจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะต้องหามาตรการรองรับก่อน ต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการมาตรการทางสุขภาพอย่างไรได้บ้าง ทั้งการจัดทำอุปกรณ์สายรัดข้อมือ หรือริสแบรนด์ สำหรับติดตามตัวผู้เดินทาง เพื่อให้เป็นมาตรฐานและมีความทันสมัยและต้องดูเรื่องการตรวจเชื้อโควิด-19 ผ่านการเจาะเลือด ซึ่งเป็นวิธีการแบบใหม่ๆที่อาจจะต้องตรวจบ่อยครั้งขึ้นแต่มีค่าใช้จ่ายถูกลง จากเดิมใช้วิธีตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกและคอ หรือ SWAB เพียงอย่างเดียว นายกฯ ระบุว่า จะดำเนินการทั้งหมดให้เร็วที่สุด เพื่อให้การดูแลทั้งด้านเศรษฐกิจและสุขภาพเดินหน้าควบคู่กันไปและขอฝากให้ทุกคนช่วยติดตามข่าวสารด้านเศรษฐกิจและขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองปลอดภัยเพราะเป็นบ้านเมืองของเรา
นายกฯ ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า นายกฯเครียดหรือไม่ว่า ไม่รู้สึกเครียด เพราะชินแล้ว อยู่ในหน้าที่มา 5 ปี รู้สึกเครียดจนชินแล้ว
เสนอครม.ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งที่ 7 ไม่เกี่ยวการเมือง
การประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า จะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ขยายพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นคราวที่ 7 เนื่องจากยังมีความจำเป็นเพราะยังไม่มีกฎหมายไหนครอบคลุมการทำงานของทุกหน่วยงานให้เชื่อมโยงกันได้ พระราชบัญญัติโรคติดต่อก็อยู่ระหว่างแก้ไขจึงยังต้องใช้ พ.ร.ก.ไปก่อน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมแต่อย่างใด เพราะมาตรา 9 ในการควบคุมโรคไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม
ส่วนกรณีที่มีการพูดถึงเรื่องลดเวลากักตัว นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่นำเข้าสู่ที่ประชุม ศบค. แต่มีแนวโน้มจากหลายหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่มีความเห็นตรงกันว่าการกักตัว 14 วัน จะช่วยให้ควบคุมโรคได้ดีที่สุด หากลดเวลากักตัวเหลือ 10 วัน จะควบคุมโรคได้ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ปรับได้ โดยหากลดวันกักตัว ก็อาจจะไปเพิ่มมาตรการอื่นแทน เช่นการตรวจโรคที่เพิ่มขึ้นหรือการติดตามตัว
สำหรับการเปิดให้นักท่องเที่ยวแบบสเปเชียลทัวริสต์วีซ่า หรือ STV จำนวน 39 คน เดินทางเข้าประเทศมาเมื่อวานนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ยังต้องกักตัว 14 วัน ก่อนจะให้ไปท่องเที่ยวได้ โดยมีการวางแผนท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวอีกหลายประเทศ ที่แสดงความต้องการจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ก็อยากจะหนีหนาวมาเที่ยวในไทยบ้าง เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะใช้หลักเกณฑ์การประกาศจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขว่า ประเทศใดที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคระดับต่ำและระดับกลาง ก็จะทยอยอนุมัติให้เข้ามา โดยมีเงื่อนไขด้านมาตรการสาธารณสุขที่เข้มงวด คือจะต้องกักตัวก่อนเป็นเวลา 14 วัน ส่วนการติดต่อขอวีซ่าเพื่อเข้ามายังเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดูแล
ฟิลิปปินส์ยกเลิกคำสั่งห้ามประชาชนเดินทางไปต่างประเทศ
รัฐบาลฟิลิปปินส์ยกเลิกคำสั่งห้ามประชาชนเดินทางไปต่างประเทศในวันนี้ ขณะที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของฟิลิปปินส์ ระบุว่ามาตรการนี้อาจจะยังไม่มีผลช่วยกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจภาคบริการของประเทศทันทีในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ประชาชนในฟิลิปปินส์ที่จะเดินทางไป ต่างประเทศจะต้องแสดงเอกสารต่างๆกับเจ้าหน้าที่ เช่น ตั๋วเดินทางไป-กลับ, หนังสือรับรองการเดินทาง และสุขภาพ เอกสารแสดงการรับทราบเรื่องความเสี่ยงในการเดินทางและความล่าช้าในการเดินทาง รวมทั้งผลตรวจสุขภาพภายใน 24 ชม.ก่อนออกเดินทางพบว่าไม่ติดโรคโควิด-19
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางมาโดยลำดับเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากไตรมาส 2 เศรษฐกิจฟิลิปปินส์หดตัวลงร้อยละ 16.5 ต่อเนื่อง จากการหดตัวร้อยละ 0.7 เมื่อช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากการปิดประเทศและมาตรการรณรงค์ให้ ประชาชนในกรุงมะนิลาและเขตปริมณฑลอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาหลายประเทศจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะประชาชนจากพื้นที่แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งฟิลิปปินส์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวันนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบผู้ป่วยรายใหม่ 1,509 คน ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 360,775 คน เสียชีวิต 6,690 ราย
จีน เริ่มฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ประชาชนในมณฑลเจ้อเจียง โครงการฉีดวัคซีนเร่งด่วน
คณะกรรมการสาธารณสุขประจำเมืองเส้าซิง มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เปิดเผยว่ารัฐบาลท้องถิ่นในเมืองเส้าซิงจะจัดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วไปอายุระหว่าง 18-59 ปี ภายใต้โครงการฉีดวัคซีนเร่งด่วนสำหรับกรณีประชาชนทั่วไป แนะนำให้ผู้สนใจลงทะเบียนทางระบบออนไลน์เพื่อขอรับการฉีดวัคซีนในโครงการนี้ ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิม ที่เน้นฉีดวัคซีนให้เฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ประชาชนที่สนใจฉีดวัคซีนจะต้องระบุเหตุผลในใบสมัครและคิดค่าวัคซีน 2 เข็มรวม 400 หยวน และค่าฉีดวัคซีนเพิ่มเติมอีก 28 หยวน แต่เจ้าหน้าที่จีนไม่ได้ระบุชื่อของวัคซีน หรือให้รายละเอียดว่าการฉีดวัคซีนจะเริ่มต้นเมื่อใด หรือผู้สมัครลงทะเบียนแต่ละคนจะขอฉีดวัคซีนคนละกี่เข็ม ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นมณฑลเจ้อเจียง เป็นมณฑลแรกของจีนที่เสนอตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วขอเข้าร่วมโครงการฉีดวัคซีนกรณีเร่งด่วนสำหรับประชาชนทั่วไป แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมฉีดวัคซีนกี่คน
ก่อนหน้านี้ แพทย์จีนได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนหลายแสนคนในประเทศจีนนับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคกรณีเร่งด่วนในเดือนกรกฎาคม เพื่อป้องกันโรคให้กับกลุ่มเสี่ยง เช่นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆเพื่อสกัดการแพร่ระบาด แต่การทดลองฉีดวัคซีนนี้อยู่ในขั้นตอนการวิจัยพัฒนาวัคซีน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงความกังวลเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนจีน จีนพบผู้ป่วยรายใหม่ 11 คน มีผู้ป่วยสะสม 85,715 คน เสียชีวิต 4,634 ราย
พรุ่งนี้ประชุม 4 ฝ่ายแก้ไขปัญหาการเมือง ประธานสภาฯย้ำอย่าใช้เวทีเพื่อด่ากัน
การนัดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ อภิปรายทั่วไปเพื่อหาทางออกปัญหาการชุมนุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ต้องรอให้มี พ.ร.ฎ.เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญก่อน ในวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) จะมีการหารือร่วมกัน 4 ฝ่าย คือ ตัวแทนรัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ส.รัฐบาล และส.ว. เพื่อกำหนดเวลาให้แต่ละฝ่ายได้อภิปรายอย่างเต็มที่ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ แต่จะต้องอยู่ในประเด็นที่รัฐบาลกำหนดไว้ และใช้เวลาเท่าที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ประธานสภาฯ ย้ำว่า เคยแจ้งสมาชิกไปแล้วว่าขอให้ช่วยกันให้ความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้ปัญหาทุเลาลง ทุกคนต่างห่วงใยบ้านเมือง อย่าไปสร้างอะไรที่ซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมือง และอย่าใช้เวทีนี้เป็นที่โจมตีกัน มีสมาชิกบางคนที่ไม่เห็นด้วยในการเปิดวิสามัญ เพราะบอกว่าเปิดแล้วไม่มีประโยชน์ อย่างดีก็แค่ด่ากัน ประชาชนก็เบื่อหน่าย จึงได้บอกสมาชิกว่าจะต้องไม่ทำให้เกิดความรู้สึกแบบนั้น ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือและความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เปิดสภาฯ เพื่อไม่ไว้วางใจ หรือด่ากัน
หุ้นไทยดีดขึ้นได้ 5.81 จุดรอดูสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,216.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,423.28 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่ง Sideway up แข็งกว่าที่ประเมิน แต่ยังติดแนวต้าน 1,220 จุด ซึ่งต่างรอดูสถานการณ์การเมืองในประเทศ แต่ตลาดฯก็มีความคาดหวังในเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ก่อนการเลือกตั้ง และการดีเบตครั้งสุดท้ายในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายโจ ไบเดน คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค.นี้
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้น หลังบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ ก่อนเริ่มรายงานผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกในสัปดาห์หน้า ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 23,639.46 จุด เพิ่มขึ้น 72.42 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวขึ้น รับความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากที่มีรายงานว่าพรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 24,754.42 จุด เพิ่มขึ้น 184.88 จุด