คมนาคม- สธ. วางหลักเกณฑ์เพิ่มการตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่สนามบิน
การเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยกลุ่มแรกจากประเทศจีน เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มวีซ่าพิเศษ (Special Tourist VISA: STV) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีหลักขั้นตอนในการปฏิบัติ โดยตรวจผู้ที่เดินทาง 1 ต่อ 1 (ตรวจทีละคน) ซึ่งสามารถตรวจได้วันละ 700 คน ถือเป็นการเริ่มนับ 1 และเป็นไปตามมาตรการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ
ข้อมูลประเทศสิงคโปร์ สามารถตรวจเฉลี่ยได้ประมาณวันละ 27,000 คน ใช้ลักษณะการตรวจเป็นกลุ่ม จึงได้หารือร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรคว่า จะสามารถวางหลักเกณฑ์การดำเนินการเพื่อเพิ่มความสามารถการตรวจมากขึ้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยเรือยอร์ช เป็นการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม จึงได้มอบหมายให้นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า พิจารณากรณีดังกล่าวแล้ว เนื่องจากช่วงเวลานี้ที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาว จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางมาเที่ยวไทยจำนวนมาก ด้วยสภาพอากาศอบอุ่น เหมาะแก่การท่องเที่ยว และประเทศไทยมีความเข้มแข็งในมาตรการทางด้านสาธารณสุขที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวถึง การตั้งจุดคัดกรองของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ การจัดเตรียมพื้นที่ตั้งห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยระบบการตรวจหาสารคัดหลั่งทางพันธุกรรม หรือ PCR ซึ่งมีความรวดเร็วและแม่นยำถึงร้อยละ 95 ที่สามารถทราบผลตรวจได้ภายใน 90 นาที ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดเตรียมพื้นที่บริเวณ Gate D3 และ D4 ไว้เป็นห้องพักคอยสำหรับผู้โดยสารที่ต้องรอผลตรวจ ซึ่งภายในห้องดังกล่าวมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และจัดที่นั่งให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมทั้งมีห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งน้ำดื่มไว้ให้บริการด้วย นอกจากนี้ ทสภ. ยังจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำผู้โดยสารในการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม (ใบ ต.8) การโหลด Application ติดตามตัว รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ด้วย
5 โจทย์ใหญ่ของ ธปท.กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. ขณะที่ เมื่อวานนี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในการพบสื่อมวลชนครั้งแรกหลังรับตำแหน่งว่า วิกฤตโควิด- 19 เป็นวิกฤตสาธารณสุขที่ลุกลามและส่งผลกระทบเชื่อมโยงกันทั่วโลก ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักพร้อมๆ กันทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยที่ต้องล็อกดาวน์จนมีผลกระทบถึงผู้ประกอบการและประชาชนจำนวนมาก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจะเหลือเพียง 6,700,000 คน จากเดิมที่ประเทศไทยเคยมีนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคน คิดเป็นรายรับที่หายไปถึงประมาณร้อยละ 10 ของจีดีพี การส่งออกสินค้าในไตรมาส 2 มีอัตราการหดตัวหนักที่สุดในรอบ 11 ปี เปรียบเสมือนอาการของผู้ป่วยหนักที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
5 โจทย์ใหญ่ของ ธปท. สำหรับช่วงเวลาต่อจากนี้
1.แก้วิกฤตหนี้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 และฟื้นตัวได้
2.รักษาเสถียรภาพระบบการเงิน เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
3.รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ให้โครงสร้างเศรษฐกิจการเงินไทยสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้สถานการณ์โควิด-19 และระยะต่อไปได้ดี
4.สร้างความเชื่อมั่นให้ ธปท. เป็นหนึ่งในองค์กรที่ประชาชนเชื่อมั่นที่สุด
5.พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน ให้ ธปท. เป็นองค์กรที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ และสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย
หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หรือเมื่อผู้ป่วยออกมาพักฟื้นจากไอซียูแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 3 ด้าน คือ
-หนึ่ง การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจแตกต่างกันมาก (Uneven) ทั้งในมิติของสาขาเศรษฐกิจ มิติเชิงพื้นที่ และขนาดของธุรกิจ
-สอง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคาดว่าจะใช้เวลานาน (Long) ไม่น้อยกว่า 2 ปี ในการกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างของสินค้าและตลาดส่งออกของไทยกระจุกอยู่ในกลุ่มสินค้าและตลาดที่ฟื้นตัวช้า
–สาม ยังมีความไม่แน่นอน (Uncertain) เรื่องการทดลองพัฒนาวัคซีน ภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นได้ระดับไหน จึงเกิดคำถามว่า ทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน
เมื่อบริบทเปลี่ยน ธปท. จึงประเมินว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาต้องปรับจากการใช้มาตรการที่ปูพรมการให้ความช่วยเหลือเป็นการทั่วไป เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน มาเป็นการช่วยเหลือแบบตรงจุด (targeted) ครบวงจร (comprehensive) และยืดหยุ่น (flexible) โดยพิจารณาถึงผลข้างเคียง เพราะมีทรัพยากรจำกัดจึงต้องใช้ให้ถูกจุดเพื่อช่วยคนที่จำเป็นให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตัวอย่างที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น การพักชำระหนี้ จากการปูพรมช่วยช่วงล็อกดาวน์ที่ธุรกิจต้องหยุดดำเนินการ พนักงานต้องหันมาทำงานจากที่บ้าน (work from home) หรือถูกลดชั่วโมงการทำงาน ทำให้ขาดสภาพคล่องของรายได้ มาเป็นการส่งเสริมให้สถาบันการเงินมีเวลาปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมตามความสามารถของลูกหนี้ ซึ่งเป็นการช่วยแบบตรงจุดกว่า เช่นเดียวกับหมอที่รักษาคนไข้ตามความหนักเบาของอาการที่ป่วย
ผู้ว่าฯธปท. เชื่อมั่นว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นครั้งนี้สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องอาศัยเวลาและการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดอย่างคุ้มค่า ธปท. เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งพอที่จะก้าวพ้นวิกฤตในครั้งนี้ เพราะไทยสามารถคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดี เสถียรภาพการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี เสถียรภาพต่างประเทศเข้มแข็ง หนี้สาธารณะยังอยู่ต่ำกว่าเพดานหนี้สาธารณะและยังสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ และตลาดแรงงานมีความยืดหยุ่น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่าคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย ส.อ.ท. หอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย มีความเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมือง ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าทุกฝ่ายควรจะถอยคนละก้าวและเร่งเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญให้เร็วที่สุด และเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลเห็นชอบการเปิดประชุมในวันที่ 26 ต.ค.2563 และควรจะมีกรอบเวลาในการดำเนินการต่าง ๆ อย่างชัดเจน