รองอธิบดีกรมชลฯ คุยกับชาวชลบุรี ช่วยลดผลกระทบจากการระบายน้ำ
การเตรียมความพร้อมรับมือฝนตกจากอิทธิพลของพายุโซเดลในพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนโดยรอบอำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี นายสุชาติ เจริญศรี รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ประตูระบายน้ำคลองพานทอง 2 เป็นสถานีสูบน้ำเพื่อแก้ปัญหาการเกิดอุทกภัยในเขตพื้นที่ตะวันออกของจังหวัดชลบุรี ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นนิคมอุตสาหกรรมและชุมชนที่อยู่อาศัย เป็นสถานีจุดรวมน้ำในพื้นที่ก่อนระบายลงสู่แม่น้ำบางปะกง ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในเขตพื้นที่นิคมและชุมชนโดยรอบได้ กรมชลประทานมีมาตรการเตรียมความพร้อมในการพร่องน้ำเพื่อรองรับน้ำฝน รวมถึงเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือพร้อมทั้งหาแนวทางแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ เนื่องจาก จังหวัดชลบุรีเป็นพื้นที่สำคัญในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (EEC) ตามนโยบายพัฒนาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงด้านการท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม เทคโนโลยี
เร่งควบคุมน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เตือนสองฝั่งริมแม่น้ำเฝ้าระวัง
ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยเกือบตลอดสัปดาห์ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และพิจิตร ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน และแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 889 ลบ.ม./วินาที คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในเกณฑ์ประมาณ 900 – 1,100 ลบ.ม./ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยบริเวณคลองโผงเผง คลองบางบาล อำเภอบางบาล อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.60 – 1.00 เมตร และหากมีฝนตกเพิ่มเติม จะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่าเกณฑ์ดังกล่าว
กรมชลประทานได้ควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 700 – 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลบ.ม./วินาที) ขณะที่พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักเช่นกัน ทำให้มีปริมาณน้ำที่ต้องเร่งระบายออก ส่งผลให้การระบายน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งทำได้เพียงเล็กน้อย ประกอบกับในระยะนี้มีฝนตกกระจายทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
CR:เรารักชลประทาน
3 อำเภอใน จ.สุพรรณบุรี ถูกน้ำท่วมกว่า 15,000 ครัวเรือน
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์อุทกภัยและคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย จ.สุพรรณบุรี ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยแล้วจำนวน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สามชุก อ.หนองหญ้าไซ และ อ.สองพี่น้อง รวม 15,929 ครัวเรือน มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 5,530 ไร่ บ่อกุ้ง-บ่อปลา ได้รับผลกระทบ 13 บ่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเครื่องสูบน้ำ รถแบ๊คโฮ เรือ สุขากระดาษ และกระสอบทราย เข้าให้การช่วยเหลือแล้ว นอกจากนี้ยังได้มอบส้วมกระดาษ จำนวน 390 ชิ้น ให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.หนองหญ้าไซ จำนวน 340 ชิ้น และ ผู้ประสบภัย ต.ศรีสำราญ อ.สองพี่น้อง จำนวน 50 ชุด อีกด้วย
สภาพอากาศในช่วงนี้ ภาคเหนืออากาศจะเย็นลง เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนน้อยลง อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง
นักธุรกิจที่ติดเชื้อโควิด-19 หลังกลับจากเมียนมา ผลตรวจเชื้อยืนยัน 2 ครั้ง เป็นลบ
สถานการณ์การระบาดของไวรัส
-กลุ่มแรก ผู้ติดเชื้อเป็นนักธุรกิจ 2 คน ที่เดินทางกลับจากเมียนมาและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สอด มีการตรวจเชื้อยืนยัน 2 ครั้ง พบผลเป็นลบเท่ากับว่าปลอดเชื้อแล้ว แพทย์จึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้
-กลุ่มที่สอง ผู้ป่วยชาวเมียนมา 5 คน ยังอยู่ในห้องความดันลบของโรงพยาบาลแม่สอด อาการปกติ ไม่มีไข้ ทีมแพทย์ดูแลตามมาตรฐานรักษาผู้ป่วยโควิด-19
เมียนมา พบหญิงวัย 22 ปี ในเมืองพญาตองซู ติดเชื้อโควิด-19
รายงานระบุว่า ทางการเมียนมา ในกิ่ง อ.พญาตองซู อ.จะอิเซ็กจี จ.กอกะเร็ก ของเมียนมา เปิดเผยถึงกรณีพบผู้ต้องสงสัยเป็นหญิง อายุ 22 ปี อาศัยอยู่ในชุมชนตองไว ซอย 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลพญาตองซู เนื่องจากมีอาการป่วยคล้ายอาการ
ผู้ป่วย
ผู้ว่าฯกาญจนบุรี ปิดด่านเจดีย์สามองค์ต่ออีกถึงวันที่ 2พ.ย.
ผลจากการพบผู้ป่วยไวรัส
จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนของเมียนมา และมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ขอให้ทุกคนปฎิบัติตาม หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
CR:สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี