ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2563
นิสิตม.มหาสารคาม ช่วยเหลือน้ำท่วม ปักธงชัย
นิสิตศูนย์ประสานงานเครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม (ทำดีเพื่อพ่อ ทำดีเพื่อแผ่นดิน) ร่วมกับกลุ่มงานกิจกรรมนิสิต กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในต.งิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค.
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวได้รับความร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบลงิ้ว กำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ตลอดจนจิตอาสาในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ตำบลงิ้ว มีทั้งหมด 15 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบ 7 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่รับน้ำจากเขื่อนลำพระเพลิงส่งผลให้พื้นที่การเกษตร สถานที่ราชการ และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย โดยกิจกรรมที่ได้ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ ประกอบด้วย การมอบถุงยังชีพ แจกจ่ายอาหารให้กับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ การบรรจุกระสอบทราย เพื่อทำแนวป้องกันน้ำในที่ไหลผ่านชุมชน ตลอดจนทำแนวป้องกันน้ำให้กับโรงเรียน
ระดับน้ำทรงตัวปักธงชัย เกินกักเก็บกว่า 4 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายบัลลังก์ ไวย์ศิริ นายอำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ช่วงสายวันนี้ (20 ต.ค.) ที่สำนักงานเทศบาลเมืองเมืองปักว่า ปริมาณน้ำจากลำพระเพลิงและลำน้ำสาขาได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตเศรษฐกิจเมืองปักธงชัย ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นในของตัวเมืองตั้งแต่เมื่อคืนนี้ และเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมที่ว่าการอำเภอ ตลาดปักธงชัย ร้านค้า ร้านผ้าไหมที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวน้ำท่วมประมาณ 45 -50 ซม. โรงเรียนหลายแห่งปิดการเรียนการสอน โดยรวมของอำเภอปักธงชัยขณะนี้น้ำเอ่อเข้าท่วมแล้ว 14 ตำบล 1 เทศบาลเมือง 1 เทศบาลตำบล จากทั้งหมด 16 ตำบล มีเพียง ต.ภูหลวง และ ต.ธงชัยเหนือ ยังไม่มีสถานการณ์น้ำท่วม บางจุดน้ำยังท่วมสูง 1.50 เมตร เช่น ต.บ่อปลาทอง ต.ตูม ต.ตะขบ ต.เมืองปัก การสัญจรลำบาก เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกเข้าออกและเฝ้าดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน ส่วนถนนทางหลวงหมายเลขสาย 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรีท่วมสูงประมาณ 40 ซม. ฝั่งทางคู่ขนานขาเข้าจังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดช่องทางพิเศษให้รถสัญจรเพียง 1 ช่องจราจร เป็นระยะทางประมาณ 1 กม.
นายอำเภอปักธงชัย กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมในวันนี้ ระดับน้ำทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง โดยเขื่อนลำพระเพลิงมีปริมาณน้ำลดลง ระดับน้ำเกินความจุในระดับกักเก็บประมาณ 4 ล้าน ลบ.ม. ล้นเฉพาะปากแตร ส่วนทางระบายน้ำฉุกเฉิน (สปิลเวย์) ไม่มีน้ำล้นแล้ว คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มจะสามารถระบายน้ำได้ภายใน 2-3 วันนี้ ประกอบกับมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งผลักดันน้ำอยู่ด้านท้ายของตัวเมืองปักธงชัยก็จะช่วยเหลือน้ำไปได้เร็วขึ้น แต่ในพื้นที่ลุ่มคงต้องใช้เวลานานกว่านี้
นักท่องเที่ยวจีน กลุ่มแรกถึงไทยแล้ว กักตัว 14 วัน ก่อนเที่ยวทะเล
หลังการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีนจากเมืองเซี่ยงไฮ้ วันนี้ (20 ต.ค.) 41 คน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาด้วยวีซ่าประเภทพิเศษ หรือสเปเชี่ยล ทัวร์ริสต์ วีซ่า จะเดินทางเข้ามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 17.10 น. ด้วยเครื่องบินของสปริง แอร์ไลน์ เที่ยวบิน ที่ 9C8579 ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเข้ามากักตัวตามขั้นตอนทางสาธารณสุขของไทย 14 วัน ในกรุงเทพฯ เมื่อครบกำหนดและไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่แจ้งว่าจะไปเที่ยวทะเลต่อ โดยได้จองที่พักไว้แล้ว และจะมีแอปพลิเคชั่นติดตามตัวด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในประเทศไทยระยะยาวภายใต้วีซ่าที่ออกให้ 90 วัน และสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง
อีกกลุ่มจากกว่างโจว จะเดินทางมาไทย 147 คน วันที่ 26 ต.ค.นี้ โดยมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเช่นกัน โดยการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีกับมาตรการของประเทศไทยในการบริหารจัดการและฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ส่วนกลุ่มที่เคยแจ้งว่าจะมาที่สนามบินภูเก็ต ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการแจ้งข้อมูลอีกครั้งว่าจะมาได้วันที่เท่าไร เบื้องต้นประเมินว่า แต่ละคนที่เข้ามาจะมีรายได้ต่อคนต่อทริป ประมาณ 800,000 บาท นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่ได้รับวีซ่าเอสทีวี ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.-2 พ.ย.นี้ จะเข้ามาในไทยประมาณ 400 คน และจากนี้ไปจะมีเข้ามาต่อเนื่อง
ด้านนายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยเป็นสายการบินสัญชาติไทยสายการบินแรกที่สนับสนุนนโยบายภาครัฐ และมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัดภายใต้วีซ่าพิเศษ โดยประสานกับบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด ผ่านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดเที่ยวบินพิเศษรองรับผู้โดยสารชาวจีนที่ถือวีซ่าลองสเตย์ จากเซี่ยงไฮ้ 120 คน เดินทางมายังประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินที่ ทีจี 8103 เส้นทางเซี่ยงไฮ้-กรุงเทพฯ ออกเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ วันที่ 28 ตุลาคม 2563 เวลา 17.20 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯเวลา 21.15 น. ในวันเดียวกัน โดยเที่ยวบินดังกล่าวมีชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าทางการแพทย์ (Medical Visa) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างการบินไทยกับเครือโรงพยาบาลพญาไทร่วมเดินทาง อีกทั้งมีคนไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางกลับบ้านอีกด้วย
ศาลแพ่งนัด 22 ต.ค. ฟังคำสั่งยื่นเพิกถอนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ศาลแพ่งมีคำสั่งกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 4 คน ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ศาลแพ่งตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า เพื่อให้การพิจารณาสั่งคำฟ้องของโจทก์ทั้งสี่เป็นไปโดยถูกต้อง และเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายที่บังคับไว้ เกี่ยวกับสิทธิของคู่ความหรือบุคคลซึ่งยื่นคำคู่ความ จึงเห็นควรให้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 22 ตุลาคม นี้ เวลา 09.00 น.ส่วนคำร้องขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา และคำร้องในกรณีฉุกเฉินของโจทก์จะได้พิจารณาวินิจฉัยในคำสั่งหรือคำพิพากษาไปพร้อมกัน
นายกรัฐมนตรีสั่ง กอร.ฉ. ทบทวน คำสั่งปิดสื่อบางสำนัก ยกเว้นสื่อที่รายงานข่าว ยุยง -ปลุกปั่น-บิดเบือนชัดเจน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เจ้าหน้าที่เปิดเพลง อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี ก่อนแถลงข่าวหลังประชุม ครม. โดยพูดทักทายกับสื่อว่าฟังเพลงแล้วรู้สึกอะไรหรือไม่ เราลูกหลานคนไทย อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน หน้าที่รัฐบาล ผมบังคับใครไม่ได้ เป็นเรื่องของจิตใจ ของพวกเราทุกคน
โดยนายกรัฐมนตรี บอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดกับสื่อมวลชนโดยตรงทุกคน ทั้งคนที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ส่งผ่านไปยังสื่อออนไลน์ต่างๆ และสื่อทุกประเภท เรื่องที่มีเอกสารคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง เรื่องการตรวจสอบและการระงับการออกอากาศ ของสื่อและสื่อออนไลน์ ที่มีเนื้อหากระทบต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประเทศเมื่อวันก่อน พร้อมย้ำว่า สื่อคือพลังสำคัญที่จะสร้างความชอบธรรม สร้างสรรค์ สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประเทศได้ บทบาทของสื่อที่ทำหน้าที่อย่างมีสิทธิเสรีภาพ ความเป็นกลาง ได้สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ การเฝ้าระวัง ตรวจสอบสิ่งต่างๆในสังคมและการถ่วงดุลอำนาจ
วันนี้ได้สั่งการมอบแนวทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ตัดสินใจออกคำสั่งปฏิบัติการดังกล่าว ทบทวนคำสั่ง ระงับการออกอากาศต่างๆ โดยขอให้พิจารณาคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นหลักสำคัญ ยกเว้น บางกรณีที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จบิดเบือน ยุยงปลุกปั่นตลอดเวลา ที่มีความชัดเจน รวมถึงเฟคนิวส์ ก็จำเป็น เพราะมีความตั้งใจนำเสนอข่าวบิดเบือน ล้ำเส้น ก้าวล่วง ละเมิดสิทธิผู้อื่น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยืดหลักการตามกฎหมาย และดำเนินการเฉพาะเป็นเรื่องๆไป โดยขอให้ครั้งนี้เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจ
นายกฯยืนยัน ไม่ได้ละเมิดใครทั้งสิ้น หน้าที่ของพวกเราทุกคน คือ ช่วยกันป้องกัน กำจัดเจตนาร้ายที่มีต่อประเทศ พยายามยุยงปลุกปั่น สร้างความวุ่นวาย แตกแยก สับสน อลหม่านในประเทศ เป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับให้เกิดขึ้นในประเทศ โดยขอความร่วมมือสื่อและประชาชนทุกคน นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไม่ต้องการละเมิดสิทธิของใคร แต่ทุกคนต้องระมัดระวังการละเมิดสิทธิคนอื่นด้วย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า เมื่อเวลา 16.45 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เดินทางเข้ามาที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพบกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาประมาณ 10 นาที คาดว่า เป็นการเข้ามารายงานสถานการณ์การชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม เป็นต้นมา โดยเฉพาะเหตุการณ์สลายชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน เมื่อวันที่16 ตุลาคม เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับรายงานต่อที่ประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญที่คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
หุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.92 จุด ที่ 1,211 จุด
สรุปการซื้อขายหุ้นไทยวันนี้ (20 ต.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,210.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด มูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 59,285 ล้านบาท
ตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับความไม่แน่นอนที่ว่าสหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้หรือไม่ ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 23,567.04 จุด ลดลง 104.09 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่ว่าสหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้หรือไม่ ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดวันนี้ที่ 24,569.54 จุด เพิ่มขึ้น 27.28 จุด
รฟม. แถลงพรุ่งนี้ หลังศาลปกครองกางคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณี บีทีเอสซี
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีที่ BTSC ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองฉุกเฉิน กรณีคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal Document : RFP) เป็นผู้ร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว ภายหลังเปิดขายซองข้อเสนอไปแล้วถือเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนั้น ศาลยังมีคำสั่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไปใช้หลักเกณฑ์เดิมในการประมูลโครงการ ซึ่ง รฟม.ต้องกลับไปใช้เกณฑ์การตัดสินคะแนนทางการเงิน 100 คะแนน จากที่ก่อนหน้านี้ปรับมาจะใช้เทคนิค 30 คะแนน และการเงิน 70 คะแนน โดยคำสั่งศาลครั้งนี้ ไม่ได้มีคำสั่งให้ชะลอกระบวนการประมูล เพราะตามคำร้องของ BTSC เราไม่ได้ขอคุ้มครองชะลอโครงการ แต่ขอให้ศาลคุ้มครองกลับไปใช้เกณฑ์ประมูลเดิม
ด้านรายงานข่าวจาก รฟม. แจ้งว่า คณะกรรมการรฟม.เตรียมประชุมเพื่อพิจารณาคำสั่งศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์การประเมินที่แก้ไขเพิ่มเติมของรฟม. เบื้องต้น รฟม.เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันหลังจากคำสั่งศาล ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น. รฟม. จะแถลงข่าวแนวทางการดำเนินการกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อไป เบื้องต้นยังคงจะคงเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ตามกำหนดการเดิม พร้อมใช้หลักเกณฑ์เดิม