กระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ออกแถลงการณ์เรื่องการสิ้นสุดของคำสั่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการคว่ำบาตรด้านอาวุธและการเดินทางต่ออิหร่าน ระบุเมื่อคำสั่งห้ามหมดอายุลงโดยไม่มีเงื่อนไข ก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะต้องออกหรือลงมติใหม่เพื่อขยายเวลาการคว่ำบาตรต่ออิหร่านอีก
คำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ห้ามการจำหน่ายอาวุธให้กับอิหร่านและห้ามการเดินทางไปบางประเทศของชาวอิหร่านที่มีผลบังคับใช้มายาวนานได้หมดอายุลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม
การยุติลงของมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการห้ามการจำหน่ายอาวุธให้กับอิหร่านของสหประชาชาตินี้ เป็นไปตามเงื่อนไขข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 ที่อิหร่านได้ทำไว้กับชาติตะวันตก
การสิ้นสุดคำสั่งนี้สำหรับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านแล้ว ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหนือสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสหรัฐฯไม่สามารถหว่านล้อมโน้มน้าวให้สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอื่นๆ ขยายการคว่ำบาตรต่ออิหร่านออกไปอีกโดยไม่มีกำหนดได้
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ของอิหร่าน แสดงความยินดีกับประชาชนชาวอิหร่านเกี่ยวกับการสิ้นสุดลงของมาตรการคว่ำบาตรนี้ที่บังคับใช้กับประเทศอิหร่านมานานนับ 10 ปี โดยระบุว่าความสำเร็จนี้เป็นผลจากการต่อสู้ของอิหร่านเพื่อเอาชนะสหรัฐฯในเรื่องนี้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่า ณ วันที่ 18 ตุลาคม เป็นต้นไป ข้อจำกัดหรือคำสั่งห้ามทุกอย่างในเรื่องการจำหน่ายถ่ายโอนอาวุธ กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ข้อห้ามว่าด้วยการบริการหรือธุรกรรมทางการเงินที่ประเทศต่างๆ มีหรือทำกับอิหร่าน รวมทั้งคำสั่งห้ามพลเมืองและเจ้าหน้าที่ทางการทหารของอิหร่านเดินทางเข้า เดินทางผ่านดินแดนของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่บังคับใช้ก่อนหน้านี้ มีอันสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ เมื่อมาตรการคว่ำบาตรสิ้นสุดลง นับจากนี้อิหร่านอาจจะจัดซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นจากแหล่งใดก็ได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ขณะเดียวกัน อิหร่านอาจจะส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อการป้องกันประเทศหรือป้องกันตนบนพื้นฐานการตัดสินใจและนโยบายของอิหร่านเอง