*ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++ภาพของเศษชิ้นส่วนจากเครื่องบินและศพ ปรากฏให้เห็นบนจอโทรทัศน์ของอินโดนีเซีย ยืนยันว่าทีมค้นหาพบเครื่องบินที่สูญหายไปตั้งแต่เมื่อ 2 วัน เครื่องบินโดยสารแอร์บัส เอ320-200 ของสายการบินโลว์คอสต์ชื่อดังลำนี้สูญหลังเผชิญกับกลุ่มเมฆหนาทึบของพายุฝนฟ้าคะนอง ขณะบินมาได้ประมาณครึ่งทางของเที่ยวบินระยะเวลา 2 ชั่วโมงระหว่างสุราบายา เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอินโดนีเซีย กับ สิงคโปร์ วันที่ 3 ของการค้นหา จึงได้พบร่องรอยแรกๆ ของแอร์บัสลำนี้ อันได้แก่ เสื้อชูชีพ 1 ตัว และบานประตูทางออกฉุกเฉิน ในบริเวณทะเลน้ำตื้นห่างเพียงประมาณ 16 กิโลเมตรจากจุดพิกัดที่ได้รับสัญญาณเรดาร์สุดท้ายของเครื่องบินก่อนสูญหายไป ข้าวของอีกอย่างหนึ่งที่พบได้แก่กระเป๋าเดินทางพลาสติกสีฟ้าสดใสใบหนึ่งซึ่งไม่มีร่องรอยขีดข่วนใดๆ เลย ในเวลาต่อมาได้มีการนำชิ้นส่วนภายในเครื่องบินโดยสารลำนี้หลายๆ ชิ้นซึ่งค้นพบ เป็นต้นว่า ถังออกซิเจน, บานประตูทางออกฉุกเฉิน ลำเลียงไปยังเมืองปังคาลันบุน ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อจัดส่งไปตรวจพิสูจน์ต่อไป
+++พลเรือจัตวา ซิกิต เซเตียยันตา ผู้บัญชาการศูนย์การบินนาวี ของฐานทัพอากาศสุราบายา แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าได้พบศพรวม 6 ศพ ขณะที่เอเอฟพีรายงานว่าในตอนแรก มานาฮัน ซิโมรังกีร์ โฆษกกองทัพเรือบอกว่า วิทยุสื่อสารของทหารเรือระบุว่ามีเรือรบลำหนึ่งสามารถกู้ศพกว่า 40 ศพขึ้นจากทะเล ทว่าต่อมาโฆษกผู้นี้แก้ข่าวว่าข่าวตอนแรกผิดพลาด จริงๆ แล้วกู้ศพขึ้นมาได้เพียง 3 ศพเท่านั้นขณะที่ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย แถลงยกย่องทีมค้นหา และบอกว่าเรือรบ 3 ลำกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่ค้นพบซากสิ่งของจากเครื่องบิน ทีมสืบสวนเหตุเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชียดิ่งลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งอินโดนีเซีย พุ่งเป้าไปที่ช่วงเวลาที่กัปตันร้องขอไต่ระดับความสูงหนีสภาพอากาศอันเลวร้าย ในความเป็นไปได้ที่มันจะเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติอินโดนีเซีย(เอ็นทีเอสซี) จะเป็นผู้นำการสืบสวนหาต้นตอของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินแอร์บัสเอ320ลำนี้ และมีจะมีตัวแทนจากสหรัฐฯ ฝรั่งเศสและอังกฤษเข้าร่วมด้วย
+++แอร์เอเชีย ยังประสบปัญหา ในฟิลิปปินส์ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.วานนี้ เมื่อบินเลยรันเวย์ที่สนามบินคาลิโบในประเทศฟิลิปปินส์ เครื่องยนต์หยุดทำงานกะทันหัน ผู้โดยสารต้องรีบอพยพออกจากเครื่องโดยใช้ทางลาดฉุกเฉิน โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
+++เอเอฟพี รายงานอ้างริชาร์ด โกวาน ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ความร่วมมือนานาชาติ มหาวิทยาลัยนิวยอร์กของสหรัฐฯว่าสหประชาชาติ(ยูเอ็น)กำลังจะปิดฉากปีนี้ซึ่งถือเป็นปีแห่งความขัดแย้งมากที่สุดอีกครั้งในประวัติศาสตร์ช่วงหลังๆขององค์กรนี้ ปัญหาความขัดแย้งที่ต่อเนื่องในซีเรีย เหตุรุนแรงระลอกใหม่ในยูเครนและเขตฉนวนกาซาและเชื้อไวรัสอีโบลาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนและความมั่นคงเป็นเพียงปัญหาส่วนหนึ่งที่ยูเอ็นได้หาทางแก้ไขในรอบ 12 เดือน แต่หลายเรื่องไม่คืบหน้าเนื่องจากการแตกแยกความเห็นของสมาชิกในคณะมนตรีความมั่นคง ถึงกระนั้นก็ตาม นายบัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็นก็ยังคงมีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้นในปีหน้า นายบันระบุว่าปี 2558 จะเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังให้มากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาสงครามกลางเมืองในซีเรีย ปัญหากลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย กลุ่มไอเอสได้สังหารคนเสียชีวิตหลายพันคนหลังการบุกยึดพื้นที่หนึ่งในสามของอิรักในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
+++นายกรัฐมนตรีอันโตนิโอ ซามาราส ของกรีซ กล่าวว่าการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนหน้าจะเป็นตัวตัดสินว่ากรีซจะยังคงอยู่ร่วมกับเขตยูโรโซนหรือไม่ หลังการเข้าพบประธานาธิบดีคาโรลอส ปาปูลิอัสในวันนี้ เพื่อขอยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 25 มกราคมปีหน้า สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้สร้างความหวั่นวิตกให้แก่ตลาดหุ้นกรีซ ดัชนีตลาดหุ้นปิดตลาดลดลงร้อยละ 4 เมื่อวันจันทร์ และดัชนีตลาดหุ้นลดลงร้อยละ 0.51 ในช่วงเปิดตลาดวันนี้ ก่อให้เกิดความหวั่นวิตกเกี่ยวกับอนาคตของกรีซในกลุ่มยูโรโซน ด้านนายเกอร์รี ไรซ์ โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่าจะระงับการจ่ายเงินช่วยกู้วิกฤติงวดต่อไปสำหรับกรีซ จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดำเนินการแล้วเสร็จ ระบุว่าไอเอ็มเอฟ พร้อมทั้งคณะกรรมาธิการแห่งยุโรปและธนาคารกลางแห่งยุโรป จะเริ่มมีการหารือกับกรีซอีกครั้ง เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(30ธ.ค.) ปิดในแดนลบตามตลาดทุนอื่นๆในยุโรป หลังความยุ่งเหยิงทางการเมืองของกรีซ รื้อฟื้นความกังวลต่อสถานะของยูโรโซน ดาวโจนส์ ลดลง 55.16 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,983.07 จุด ราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(30ธ.ค.) ปิดบวกแรง หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ร่วงลงอย่างหนัก โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 18.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,200.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ราคาน้ำมันฟื้นตัวเล็กน้อยในวันอังคาร แต่นักวิเคราะห์มองตลาดยังกังวลต่ออุปทานที่มากเกินความต้องการ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ ปิดที่ 54.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 57.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
++++บีบีซีรายงานอ้างสื่อท้องถิ่นของอินเดียว่า อากาศหนาวเหน็บและหมอกทึบยังคงสร้างความโกลาหลสำหรับการเดินทางครั้งใหญ่ในกรุงเดลีและอีกหลายเมืองทางภาคเหนือของประเทศในวันนี้ เที่ยวบินกว่า 60 เที่ยวและรถไฟ 100 ขบวนต้องเลื่อนการเดินทาง ขณะเดียวกันเที่ยวบินและรถไฟอีกส่วนหนึ่งถูกยกเลิก ก่อนหน้านี้ อุณหภูมิในกรุงเดลีลดต่ำกว่า 3 องศาเซลเซียสเมื่อวันอาทิตย์ ถือว่าอากาศหนาวที่สุดในฤดูหนาวปีนี้ นอกจากนี้ มีอากาศหนาวจัดโดยต่อเนื่องในรัฐทางภาคเหนือ รวมถึงรัฐปัญจาบ ฮาร์ยานา อุตตรประเทศ มัธยประเทศ ราชาสถาน และหุบเขาแคชเมียร์ มีรายงานว่าคนเสียชีวิตหลายคนจากอากาศหนาว ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดีย คาดว่าจะมีอากาศหนาวและหมอกจัดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
+++ทางการฮ่องกงเผยในวันนี้ จะฆ่ากำจัดไก่ 15,000 ตัว หลังพบไวรัสหวัดนก H7N9 ในสัตว์ปีกที่นำเข้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมกันนั้นก็ยังสั่งปิดตลาดเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อฆ่าเชื้อโรคคำแถลงนี้ยังมีขึ้น 1 วันหลังจากผู้หญิงคนหนึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสดังกล่าว กระตุ้นให้เขตปกครองพิเศษแห่งนี้ต้องยกระดับเฝ้าระวังแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9
+++ก่อนหน้านี้ รัฐบาลท้องถิ่นในจังหวัดมิยาซากิ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ได้เริ่มกำจัดไก่ราว 42,000 ตัว ห้ามเจ้าของฟาร์มไก่ที่อยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรห่างจากฟาร์มที่ตรวจพบไข้หวัดนกทำการเคลื่อนย้ายไก่ออกนอกพื้นที่ หลังมีการยืนยันว่า พบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน ผลทดสอบทางดีเอ็นเอยืนยันว่า พบไข้หวัดนกสายพันธุ์เอชไฟว์ที่ฟาร์มเลี้ยงไก่แห่งหนึ่งในจังหวัดมิยาซากิ หลังเจ้าของฟาร์มเสียชีวิตอย่างกระทันหันเมื่อวานนี้
+++“อีโบลา” กลายเป็นวิกฤตฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลกในปี 2014 มีต้นตอมาจากการติดเชื้อและเสียชีวิตของเด็กชายวัย 2 ขวบเพียงรายเดียวในแอฟริกาตะวันตก ภูมิภาคที่ยากจนข้นแค้นอยู่แล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2013 จากนั้นอีโบลาก็บุกเข้าสู่เมืองที่มีประชากรแออัด สังหารผู้คนนับพันๆ และสร้างความหวั่นวิตกข้ามทวีปไปถึงยุโรปและอเมริกา ในเดือนสิงหาคม 2014 องค์การอนามัยโลก (WHO) เริ่มต้นเปิดไฟเขียวให้สามารถนำเอาวิธีการรักษาที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง ตลอดจนวัคซีนป้องกันที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาซึ่งขณะนี้มีราวสิบกว่าสูตรที่เป็นแคนดิเดตชั้นนำ มาใช้ในการต่อสู้กับอีโบลาได้ ตามสถิติขององค์การอนามัยโลกนั้น ณ วันที่ 29ธันวาคม การระบาดของอีโบลาระลอกนี้ได้สังหารผู้คนไปแล้ว 7,842 ราย จากจำนวนผู้ล้มป่วยทั้งสิ้น 20,081 ราย จาก3ประเทศในแอฟริกาตะวันตกอย่าง เซียร์ราลีโอน, ไลบีเรีย, และกินี นอกจากนั้นมีผู้เสียชีวิตอีก 8 คนที่ไนจีเรีย, 6 คนในมาลี, และ 1 คนในสหรัฐฯ สำหรับผู้ล้มป่วยนั้น ยังพบที่เซเนกัล แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
+++ศาลของเกาหลีใต้เมื่อวันอังคาร(30ธ.ค.) อนุมัติหมายจับอดีตรองประธานบริหารสายการบินโคเรียนแอร์ ผู้เป็นต้นตอให้เที่ยวบินหนึ่งต้องล่าช้า กรณีที่เธอสั่งให้กัปตันนำเครื่องวกกลับลงจอดเทียบอาคารผู้โดยสาร หลังไม่พอใจลูกเรือคนหนึ่งที่เสิร์ฟถั่วให้เธอไม่เรียบร้อย โช ฮยุนอา วัย 40 ปี ลูกสาวของประธานสายการบิน ต้องเผชิญกับความขุ่นเคืองจากสาธารณชน เพราะเธอบังคับให้เครื่องบินวกกลับไปจอดเทียบประตูอาคารผู้โดยสารในนิวยอร์ก เพื่อไล่หัวหน้าแอร์โฮสเตสลงจากเครื่อง นอกจากนี้แล้วศาลยังอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่บริหารโคเรียนแอร์ คนปัจจุบันอีกราย ซึ่งมีนามสกุลว่า เยียว ฐานต้องสงสัยกดดันพนักงานของสายการบินโคเรียนแอร์ ให้ปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยศาลบอกว่ามีความพยายามอย่างเป็นระบบในการปกปิดพฤติกรรมของโช นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น