กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์การชุมนุมและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ภาพรวมการชุมนุมเมื่อวานนี้ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการนัดชุมนุมในวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะรวมตัวกันจุดใด แต่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความสงบเรียบร้อยไว้พร้อมแล้ว
ส่วนการจับกุมผู้กระทำความผิด คือ นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงก์ ถูกตำรวจ สภ. เมืองขอนแก่น จับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับศาลอาญาที่ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ในความผิดตามมาตรา 116,รายที่ 2 นายขวัญ จีนา ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 กระทำผิดฐานทุบทำลายป้อมกดสัญญาณไฟจราจรแยกบางนา ถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์,มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคแรก , และรายที่ 3 นายประวิทย์ สมรัตน์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลต่างๆว่าเป็นตำรวจปลอมตัวเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่ใช่ตำรวจ จึงจับกุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เสียทรัพย์ และชุมนุมเกิน10 คนขึ้นไป ขณะที่การจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงที่ผ่านมา จำนวน 76 คน แบ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา 21 คน ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 54 คน และ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน 1 คน
ส่วนการชุมนุมในวันนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมกำลังไว้ดูแลความเรียบร้อย 12 กองร้อย จำนวน 1,860 นาย เน้นการปฏิบัติเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วในการเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย ในบริเวณที่มีการชุมนุมและป้องกันมือที่สามก่อความไม่สงบเรียบร้อย
กรณีที่ผู้ชุมนุมขีดเส้นตายให้ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ภายใน 18.00 น.วันนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และหลังจากนี้จะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ส่วนที่ผู้ชุมนุมประกาศเซอร์ไพรส์เจ้าหน้าที่ เชื่อว่าจะเป็นการแยกย้ายชุมนุมตามจุดต่างๆ และจากการประเมินเชื่อว่า ผู้ชุมนุมสามารถยกระดับการชุมนุมได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนการดาวกระจายจะเป็นการเคลื่อนตัวไปตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ เชื่อว่าชุดเคลื่อนที่เร็วจะเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยได้ ด้านแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวก็มีเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราว บางคนมีเงื่อนไขห้ามเข้าพื้นที่ชุมนุม และส่วนใหญ่ก็มีหมายจับที่กำลังดำเนินการอีกหลายสิบหมาย จึงเตือนไปยังแกนนำและผู้ชุมนุมว่า การกระทำในทุกกรณีที่เข้าข่ายผิดกฏหมาย มีเจ้าหน้าที่คอยรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการเอาผิดทางกฏหมายทุกราย

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ได้ตรวจสอบพบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการยุยงทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และส่งเรื่องมาให้ กอร.ฉ.แล้ว 58 เรื่อง ส่วนกรณีการบิดเบือนข้อมูลในลักษณะข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ การปลุกระดมโดยผู้ไม่หวังดีโดยใช้บัญชีปิดบังตัวตนผ่านทวิตเตอร์ ชักชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้วิธีการ Looting คือ การปล้นสะดมในระหว่างที่มีสถานการณ์ไม่สงบ มีการชักชวนให้ทำลายทรัพย์สินของทางราชการและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไปในพื้นที่บริเวณการชุมนุม เพื่อยกระดับการชุมนุม ทาง กอร.ฉ.เป็นห่วงและขอเตือนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี เพราะนอกจากจะฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ยังผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือทำให้เสียทรัพย์แล้วแต่กรณี ส่วนผู้ที่ไม่หวังดีที่ยุยง ปลุกปั่นในโลกออนไลน์ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และเป็นการฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย
นอกจากนี้ กอร.ฉ.ยังขอบคุณผู้ชุมนุมหลายคน ที่ช่วยกันเตือนสติ และป้องกันระวังภัยบุคคลที่ 3 หรือ บุคคลที่ไม่หวังดีมาแทรกแซงด้วยเจตนาร้าย