กอร.ฉ.ประเมินชุมนุมแบบดาวกระจาย จัดชุดเคลื่อนที่เร็วดูแลความปลอดภัย

20 ตุลาคม 2563, 14:09น.


           กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์การชุมนุมและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ระบุว่า ภาพรวมการชุมนุมเมื่อวานนี้ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย  ส่วนการนัดชุมนุมในวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะรวมตัวกันจุดใด แต่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความสงบเรียบร้อยไว้พร้อมแล้ว  


          ส่วนการจับกุมผู้กระทำความผิด คือ นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงก์ ถูกตำรวจ สภ. เมืองขอนแก่น จับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับศาลอาญาที่ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563  ในความผิดตามมาตรา 116,รายที่ 2 นายขวัญ จีนา ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 กระทำผิดฐานทุบทำลายป้อมกดสัญญาณไฟจราจรแยกบางนา   ถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์,มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคแรก  , และรายที่ 3 นายประวิทย์ สมรัตน์  ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลต่างๆว่าเป็นตำรวจปลอมตัวเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม  แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่ใช่ตำรวจ จึงจับกุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เสียทรัพย์ และชุมนุมเกิน10 คนขึ้นไป    ขณะที่การจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงที่ผ่านมา จำนวน 76 คน แบ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา 21 คน ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 54 คน และ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน 1 คน


          ส่วนการชุมนุมในวันนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมกำลังไว้ดูแลความเรียบร้อย 12 กองร้อย จำนวน 1,860 นาย   เน้นการปฏิบัติเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วในการเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย ในบริเวณที่มีการชุมนุมและป้องกันมือที่สามก่อความไม่สงบเรียบร้อย 


          กรณีที่ผู้ชุมนุมขีดเส้นตายให้ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ภายใน 18.00 น.วันนี้  พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ  และหลังจากนี้จะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง  ซึ่งได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ส่วนที่ผู้ชุมนุมประกาศเซอร์ไพรส์เจ้าหน้าที่ เชื่อว่าจะเป็นการแยกย้ายชุมนุมตามจุดต่างๆ  และจากการประเมินเชื่อว่า ผู้ชุมนุมสามารถยกระดับการชุมนุมได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น  ส่วนการดาวกระจายจะเป็นการเคลื่อนตัวไปตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ เชื่อว่าชุดเคลื่อนที่เร็วจะเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยได้  ด้านแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวก็มีเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราว บางคนมีเงื่อนไขห้ามเข้าพื้นที่ชุมนุม และส่วนใหญ่ก็มีหมายจับที่กำลังดำเนินการอีกหลายสิบหมาย จึงเตือนไปยังแกนนำและผู้ชุมนุมว่า การกระทำในทุกกรณีที่เข้าข่ายผิดกฏหมาย มีเจ้าหน้าที่คอยรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการเอาผิดทางกฏหมายทุกราย  




          ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า  กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  หรือดีอีเอส ได้ตรวจสอบพบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการยุยงทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง  และส่งเรื่องมาให้ กอร.ฉ.แล้ว 58 เรื่อง  ส่วนกรณีการบิดเบือนข้อมูลในลักษณะข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์  การปลุกระดมโดยผู้ไม่หวังดีโดยใช้บัญชีปิดบังตัวตนผ่านทวิตเตอร์  ชักชวนให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้วิธีการ Looting คือ การปล้นสะดมในระหว่างที่มีสถานการณ์ไม่สงบ   มีการชักชวนให้ทำลายทรัพย์สินของทางราชการและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไปในพื้นที่บริเวณการชุมนุม เพื่อยกระดับการชุมนุม  ทาง กอร.ฉ.เป็นห่วงและขอเตือนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม   อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี  เพราะนอกจากจะฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว  ยังผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานลักทรัพย์  ชิงทรัพย์  ปล้นทรัพย์  หรือทำให้เสียทรัพย์แล้วแต่กรณี  ส่วนผู้ที่ไม่หวังดีที่ยุยง ปลุกปั่นในโลกออนไลน์ จะต้องถูกดำเนินคดีทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และเป็นการฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย


          นอกจากนี้ กอร.ฉ.ยังขอบคุณผู้ชุมนุมหลายคน ที่ช่วยกันเตือนสติ และป้องกันระวังภัยบุคคลที่ 3 หรือ บุคคลที่ไม่หวังดีมาแทรกแซงด้วยเจตนาร้าย 


 
ข่าวทั้งหมด

X