รมว.สธ. เผยไตรมาส 1 ปีหน้า ไทยทดลองวัคซีนโควิด-19 ต้นแบบในมนุษย์
ความคืบหน้าการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้ประสานความร่วมมือจัดสรรงบประมาณสำหรับวิจัยและพัฒนาวัคซีน ผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อไปสนับสนุนผู้ที่กำลังวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยขณะนี้ ในประเทศไทยมี 7 เทคโนโลยีการผลิต จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 9 หน่วยงาน มีทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งที่ก้าวหน้ามากที่สุด และอยู่ระหว่างเตรียมทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 คือ วัคซีนชนิด MRNA ที่พัฒนาโดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและการพัฒนาวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,วัคซีนชนิด DNA ผลิตโดยบริษัท ไบโอเนทเอเชีย จำกัด และวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีการสกัดโปรตีนจากพืช โดยคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ซึ่งผู้วิจัยได้เข้าหารือกับหน่วยงานด้านควบคุมกำกับคุณภาพวัคซีนของประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เป็นไปตามมาตรฐานสากลและอยู่ระหว่างการแสวงหาความร่วมมือหรือพัฒนาศักยภาพ ในด้านการขยายการผลิต เพื่อผลิตวัคซีนต้นแบบสำหรับทดสอบในมนุษย์ ซึ่งตามแผนที่วางไว้ คือ ไตรมาส 1 ของปี 2564 โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ทุกกระบวนการผ่านไปได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข เร่งจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมร้อยละ 50 ของจำนวนประชากร คือ การจองล่วงหน้าผ่านโครงการโคแวกซ์แฟซิลิตี้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยมอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกับกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและบริหารวัคซีนในประเทศ เร่งประสานความร่วมมือ เพื่อให้ไทยเข้าถึงวัคซีนในโครงการนี้ได้ ซึ่งโครงการนี้รวบรวมผู้วิจัยและพัฒนาวัคซีนถึง 20 ราย หากรายใดรายหนึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีน ไทยก็จะมีโอกาสเป็นประเทศแรกๆที่จะเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวได้ ประเทศไทยยังเจรจาความร่วมมือแบบทวิภาคีกับผู้ผลิตวัคซีนที่กำลังทดสอบวัคซีนในคนในระยะที่ 3 ทั้งในเอเชียและยุโรป เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนได้มากยิ่งขึ้น โดยไทยได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงค์ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนโควิด-19 กับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะทำให้ไทยเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ในลำดับแรกๆ
ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ระบุว่า วัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย ได้วางแผนการทดสอบในคน จนกว่าจะผ่านระยะที่ 1 และ 2 ให้เห็นผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีน จากนั้นจะนำผลไปเทียบกับต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้น หาก ณ เวลานั้น มีวัคซีนจากต่างประเทศที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลในการป้องกัน ไทยก็จะเทียบเคียงกับวัคซีนที่ได้ผลแล้ว และให้คณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ตรวจสอบว่าวัคซีนของไทยดีเพียงพอในการจะนำมาใช้ เทียบเท่ากับของต่างประเทศหรือไม่
ส่วนการทดสอบวัคซีนในคนระยะที่ 3 ของไทย อาจจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการทดสอบในระยะที่ 3 จะต้องทดสอบในพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างหนัก ไทยมีการควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง จึงอาจจะทำความร่วมมือทดสอบกับประเทศอื่นที่มีการระบาดแทน เบื้องต้นได้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่มีการระบาดแล้ว
รัฐกะยา พบผู้ติดเชื้อรายแรก เป็นพยาบาลไปทำงานที่ฝึกงานในย่างกุ้ง
รัฐกะยาของเมียนมา ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนแรกในพื้นที่ เท่ากับว่าตอนนี้เชื้อโรคแพร่ระบาดครอบคลุมทั้ง 7 รัฐและ 7 ภูมิภาคในประเทศแล้ว สำนักงานสาธารณสุขของรัฐกะยา ที่อยู่ทางตะวันตก รายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คนแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว เป็นพยาบาลวัย 35 ปี ซึ่งไปฝึกงานที่โรงพยาบาลโสต ศอ นาสิก ในเมืองย่างกุ้ง เป็นเวลานานถึง 9 เดือน และผลตรวจยืนยันเป็นบวกระหว่างที่เธอกำลังกักตัวอยู่ภายในสถานที่กักกันแห่งหนึ่ง ในเมืองลอยกอ ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐกะยา
กระทรวงสาธารณสุขเมียนมา รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าในรอบ 24 ชั่วโมง ยืนยันผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,927 คน เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 36,025 คน รักษาหายแล้ว 17,076 คน และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 42 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 880 ราย
เกษตรฯ สรุป 16 จังหวัดน้ำท่วม เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ-เสริมกระสอบทราย
สถานการณ์น้ำท่วม นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 16 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ บุรีรัมย์ กำแพงเพชร อุทัยธานี ลพบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว กาญจนบุรี เพชรบุรี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสตูล
สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักต่อเนื่องมากที่สุด คือ นครราชสีมา
-จ.นครราชสีมา ได้รับผลกระทบ 18 อำเภอ ได้แก่ ปากช่อง สูงเนิน ชุมพวง วังน้ำเขียว พิมาย เมือง จักราช ลำทะเมนชัย ขามสะแกแสง โนนไทย โนนสูง แก้งสนามนาง บัวใหญ่ ด่านขุนทด ปักธงชัย โชคชัย เทพารักษ์ และขามทะเลสอ ปัจจุบันน้ำจากลำเชียงไกรเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ผิวถนน และพื้นที่เกษตร ชุมชนบ้านลำเชิงไกร ต.โคกสูง อ.เมือง ระดับน้ำสูง 5-10 ซม. ส่วนเหตุการณ์น้ำกัดเซาะรอยต่อของทางระบายน้ำล้นฉุกเฉินจนเกิดความเสียหาย น้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่บ้านลำประโคน เขตเทศบาลตำบลลำนางแก้ว 40 ครัวเรือน ขณะนี้สถานการณ์น้ำเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยน้ำจะหลากไปรวมกับลำน้ำลำพระเพลิง แต่จะไม่มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง
-ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำบ้านซึม อ.พิมาย บ้านโนนสะอาด อ.โชคชัย บ้านด่านกะตำ อ.เฉลิมพระเกียรติสูงกว่าตลิ่ง 50-70 เซนติเมตร แนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งกรมชลประทานจะใช้ประตูระบายน้ำ (ปตร.) คนชุม ต.ในเมือง ปตร.อัษฎางค์ ข่อยงาม และกันผม อ.เมืองระบายน้ำออกจาก อ.เมืองไปลงแม่น้ำมูล
-จ.อุบลราชธานี น้ำในลำน้ำมูลเริ่มเอ่อเข้าท่วมเขตเทศบาลเมืองสูง 60 –70 ซม. ซึ่งสำนักงานชลประทานที่ 7 นำกระสอบทราย 500 ใบ วางเป็นแนวกั้นน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 1 เครื่องในเขตเทศบาลเมืองอุบลราชธานีแล้ว
-จ.บุรีรัมย์ ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำบ้านสตึก อ.สตึก ต่ำกว่าตลิ่ง 22 ซม. แนวโน้มเพิ่มขึ้น
-จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำสถานีวัดน้ำ อ.กบินทร์บุรี สูงกว่าตลิ่ง 23 ซม. แนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ในพื้นที่แล้ว
-จ.เพชรบุุรี ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำสะพานท่าเกวียน อ.แก่งกระจาน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรีตัดยอดน้ำหลากให้เข้าสู่ระบบชลประทานแล้วควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเพชร พร้อมนำเครื่องจักร-เครื่องมือประจำจุดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนในที่ลุ่มต่ำริมตลิ่งแม่น้ำเพชรบุรีติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
-จ.สระแก้ว ระดับน้ำสถานีวัดน้ำบ้านเขาฉกรรจ์ อ.เขาฉกรรจ์ และบ้านสระขวัญ อ.เมือง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โครงการชลประทานสระแก้ว ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 4 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำบริเวณสะพานบ้านแก่งสีเสียด ต.สระขวัญ อ.เมือง และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง
ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ระดับน้ำทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 วัน
เวียดนาม เปิดทำเนียบต้อนรับนายกฯ ญี่ปุ่น กระชับความสัมพันธ์ที่ดี
นาง เล ถิ ทู หั่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ สึกะ ของญี่ปุ่น เริ่มต้นการเยือนประเทศเวียดนามเป็นชาติแรกในกลุ่มอาเซียน นับเป็นการเยือนต่างแดนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว โดยนายสึกะ พร้อมภริยาและคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงโตเกียวมาถึงสนามบินกรุงฮานอยเมื่อค่ำวานนี้ ระบุว่า เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า ญี่ปุ่นต้องการจะกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการมาเยือนในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองดำเนินไปอย่างราบรื่นในทุกๆด้าน
เมื่อช่วงเช้านี้ นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุกของเวียดนาม จัดพิธีต้อนรับนายสึกะที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงฮานอย ผู้นำทั้งสองจะประชุมหารือข้อราชการ รวมทั้งความร่วมมือทางเศรษฐกิจและกลาโหม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นปัญหาระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติที่ผู้นำทั้งสองมีความสนใจ และพบกับนางเหวียน ถิกิมเงิน ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติของเวียดนามในโอกาสนี้ด้วย จากนั้นในช่วงบ่ายวันนี้ นายสึกะ จะพบกับกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเวียดนาม-ญี่ปุ่น(Vietnam-Japan University)และไปเยือนอนุสรณ์สถานอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ผู้ก่อตั้งประเทศเวียดนามและอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกทหารและประชาชนที่เสียสละชีวิตในการต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม
ส่วนในช่วงค่ำวันนี้ รัฐบาลเวียดนาม จะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสึกะ และคณะ ในโอกาสเยือนเวียดนามในฐานะประธานกลุ่มอาเซียนประจำปีนี้
จากนั้นในวันพรุ่งนี้ นายสึกะ จะเดินทางเยือนอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่สองในกลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับที่สองและเป็นหุ้นส่วนการค้าขายรายใหญ่อันดับที่สี่ของเวียดนาม