ไทยคืบหน้าพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เตรียมทดลองในคนระยะที่ 1

19 ตุลาคม 2563, 11:37น.


          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้าการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย  ว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยได้ประสานความร่วมมือจัดสรรงบประมาณสำหรับวิจัยและพัฒนาวัคซีน ผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อไปสนับสนุนผู้ที่กำลังวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19  โดยขณะนี้ ในประเทศไทยมี 7 เทคโนโลยีการผลิต จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 9 หน่วยงาน  มีทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งที่ก้าวหน้ามากที่สุด และอยู่ระหว่างเตรียมทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 คือ วัคซีนชนิด MRNA ที่พัฒนาโดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและการพัฒนาวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,วัคซีนชนิด DNA ผลิตโดยบริษัท ไบโอเนทเอเชีย จำกัด   และวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีการสกัดโปรตีนจากพืช โดยคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด  ซึ่งผู้วิจัยได้เข้าหารือกับหน่วยงานด้านควบคุมกำกับคุณภาพวัคซีนของประเทศอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เป็นไปตามมาตรฐานสากลและอยู่ระหว่างการแสวงหาความร่วมมือหรือพัฒนาศักยภาพ ในด้านการขยายการผลิต เพื่อผลิตวัคซีนต้นแบบสำหรับทดสอบในมนุษย์ ซึ่งตามแผนที่วางไว้ คือ ไตรมาส 1 ของปี 2564  โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ทุกกระบวนการผ่านไปได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย 


          นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังเร่งจัดหาวัคซีนโควิด-19  โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุม 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร   คือ การจองล่วงหน้าผ่านโครงการโคแวกซ์แฟซิลิตี้  ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมโครงการดังกล่าว  โดยมอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกับกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและบริหารวัคซีนในประเทศ เร่งประสานความร่วมมือ  เพื่อให้ไทยเข้าถึงวัคซีนในโครงการนี้ได้  ซึ่งโครงการนี้รวบรวมผู้วิจัยและพัฒนาวัคซีนถึง 20 ราย  หากรายใดรายหนึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีน ไทยก็จะมีโอกาสเป็นประเทศแรกๆที่จะเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวได้   ประเทศไทยยังเจรจาความร่วมมือแบบทวิภาคีกับผู้ผลิตวัคซีนที่กำลังทดสอบวัคซีนในคนในระยะที่ 3 ทั้งในเอเชียและยุโรป เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนได้มากยิ่งขึ้น   โดยไทยได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงค์ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนโควิด-19 กับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะทำให้ไทยเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ในลำดับแรกๆ 


           ด้านนพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ  ระบุว่า วัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย ได้วางแผนการทดสอบในคน จนกว่าจะผ่านระยะที่ 1 และ 2  ให้เห็นผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีน จากนั้นจะนำผลไปเทียบกับต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้น หาก ณ เวลานั้น มีวัคซีนจากต่างประเทศที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลในการป้องกัน ไทยก็จะเทียบเคียงกับวัคซีนที่ได้ผลแล้ว และให้คณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ตรวจสอบว่าวัคซีนของไทยดีเพียงพอในการจะนำมาใช้ เทียบเท่ากับของต่างประเทศหรือไม่  ส่วนการทดสอบวัคซีนในคนระยะที่ 3 ของไทย อาจจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการทดสอบในระยะที่ 3 จะต้องทดสอบในพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างหนัก ไทยมีการควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง จึงอาจจะทำความร่วมมือทดสอบกับประเทศอื่นที่มีการระบาดแทน ซึ่งเบื้องต้นได้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่มีการระบาดแล้ว  


 
ข่าวทั้งหมด

X