นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ของอิตาลี แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอิตาลีกลับมาทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากพบผู้ป่วยใหม่รายวันกลับมาเพิ่มขึ้นแบบอัตราเร่ง รัฐบาลกำลังพยายามดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาล็อกดาวน์ทั้งประเทศเป็นครั้งที่สอง มาตรการที่ดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ต.ค. คือ การบังคับสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในสถานที่สาธารณะ จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2564 เป็นอย่างน้อย พร้อมบทลงโทษด้วยการปรับเป็นเงินสูงสุด 1,000 ยูโร หรือ ราว 36,518.43 บาท มีการปรับมาตรการเพิ่มขึ้นอีกเริ่มจากวันนี้
-ร้านอาหารและบาร์ทุกแห่งในอิตาลี ต้องปิดให้บริการก่อนเที่ยงคืน โดยหลังเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละวัน ต้องจำกัดจำนวนการนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันให้ไม่เกิน 6 คน แต่หากร้านใดไม่สามารถให้บริการลักษณะดังกล่าวได้ ให้ปิดตั้งแต่ 18.00น.
-มีการจัดสรรเวลาเข้าเรียนและเลิกเรียนของโรงเรียนแต่ละแห่งให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อลดความแออัดภายในสถานศึกษาและระบบขนส่งสาธารณะ
-ระงับการจัดงานเฉลิมฉลอง กิจกรรมและงานแสดงสินค้าให้ระงับไว้ก่อน
-บริษัทเอกชนควรเพิ่มการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ให้สามารถทำงานจากที่บ้านได้มากขึ้น
-รัฐบาลกลางมอบอำนาจให้รัฐบาลและเทศบาลท้องถิ่น สามารถสั่งปิดพื้นที่สาธารณะได้หลังเวลา 21.00 น. ของแต่ละวัน การกำหนดเวลาเปิดปิดสถานประกอบการ และสามารถเพิ่มความเข้มงวดของการรวมกลุ่มในสถานที่สาธารณะได้มากกว่าที่ส่วนกลางกำหนด
อิตาลีเป็นประเทศแรกในทวีปยุโรปที่เผชิญกับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 และยังเป็นแห่งแรกในภูมิภาคที่นำมาตรการล็อกดาวน์แบบจีนมาประยุกต์ใช้ อิตาลีมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 11,705 คน ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 414,241 คน รักษาหายเพิ่มขึ้น 7,131 คน ทำให้มีผู้ป่วยหายแล้ว 251,461 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 69 ราย รวมเสียชีวิต 36,543 ราย
แฟ้มภาพ