กรมชลประทาน เร่งน้ำ นำเครื่องจักร เครื่องมือ ช่วยน้ำท่วมขังเมืองโคราช

          ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในเขตตัวเมืองนครราชสีมา ทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำหลายแห่งในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา สำนักงานชลประทานที่ 8 เร่งระบายน้ำทางลำตะคองสายหลัก ตั้งแต่อาคารแบ่งน้ำละลมหม้อ ถึง ปตร.ข่อยงาม และลำบริบูรณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งได้ผันลงสู่ลำเชียงไกรผ่านบึงพุดซา ส่วนที่เหลือจะระบายมาตามลำบริบูรณ์ ไปจนถึง ปตร.จอหอ และเร่งระบายน้ำผ่าน ปตร.กันผม ลงสู่ลำน้ำมูลต่อไป

          สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเต็มความจุอ่างฯอยู่ที่ 156.38 ล้าน ลบ.ม. (100.89 % ของความจุอ่างฯ) ได้สั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 8 บริหารจัดการน้ำ ด้วยการเร่งการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง โดยคำนึงถึงศักยภาพในการรับน้ำของคลองด้านท้ายน้ำ เพื่อให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯน้อยที่สุด ในอัตราการระบายน้ำรวมประมาณ 82 ลบ.ม /วินาที ทั้งนี้ได้ปรับลดการระบายในแม่น้ำชีและเพิ่มการระบายน้ำในลำน้ำมูลเพื่อให้น้ำจากพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาไหลลงสู่แม่น้ำมูลได้เร็วขึ้น

          นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง ยังได้ร่วมกับชาวบ้านท่าน้ำทิพย์ วางกระสอบทรายบริเวณคันคลองที่ LMC ลำพระเพลิง กม.28+100  และออกตรวจสอบพื้นที่พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ

          นอกจากนั้น ในช่วงเย็นวันนี้ นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง โดยมีนายเกียรติศักดิ์ หนูแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 เข้าร่วมประชุมที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา

          นายเฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 8 ได้บริหารจัดการน้ำเพื่อควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ศักยภาพในการรับน้ำที่ระบายออกจากอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ของคลองด้านท้ายน้ำให้ได้รับผลกระทบน้ำที่สุด ยืนยันได้ว่าเขื่อนลำพระเพลิง มีความมั่นคงแข็งแรงดี สามารถเก็บกักน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด