พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ออกหนังสือคำสั่ง เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม อาคาร หรือสถานที่ โดยอาศัยอำนาจตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมต่อไปนี้ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้แก่
1.ถนนเพลินจิต จากแยกราชประสงค์ ถึงแยกชิดลม
2.ถนนราชดำริ จากแยกประตูน้ำ ถึงแยกราชดำริ
3.ถนนพระรามที่ 1 จากแยกราชประสงค์ ถึงแยกเฉลิมเผ่า
รวมทั้งห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคาร หรือสถานที่ดังต่อไปนี้ระหว่างเวลา 15.00 น.ถึง 02.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือใช้ในภารกิจของทางราชการ ได้แก่
1.สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชดำริ และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม
2.ทางเชื่อมระหว่างตึก หรือทางเดินระหว่างอาคารสูง (skywalk) ตั้งแต่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิต
3.ท่าเรือประตูน้ำและท่าเรือชิดลม ทั้งสองฝั่ง
มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ควบคุม กำกับ ดูแล สั่งการ และมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการ รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่เห็นสมควร เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16ตุลาคม พ.ศ. 2563เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฏร 2563 ย้ำห้ามไม่ให้รวมตัวชุมนุม เพราะฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศแจ้งเตือนมาแล้วถึง 3 ครั้ง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด ตามลำดับขั้นตอน คือ กันไม่ให้เข้าพื้นที่ ตรวจค้น คัดกรองบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ห้าม และใช้กฏหมายบังคับให้ออกนอกพื้นที่ห้ามชุมนุม ส่วนแผนหรือยุทธวิธีในการควบคุมสถานการณ์ เจ้าหน้าที่จะปรับไปตามสภาพเหตุการณ์ นอกจากนี้ ยังเตือนสื่อแขนงต่างๆ ให้ระมัดระวังการนำเสนอภาพ และข้อมูลที่จะเป็นการยั่วยุให้เกิดการชุมนุม สร้างกระแสให้เกิดความรุนแรงด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือประชาชนอย่าฝ่าฝืน พรก. โดยเฉพาะการใช้โซเชียลโพสต์ชักชวนมาร่วมชุมนุม ปลุกปั่นให้เกิดความสับสนแตกแยก สร้างข่าวปลอม หรือการโพสต์รูปและเช็คอินว่าไปร่วมชุมนุม ขออย่ามองว่าเป็นเรื่องโก้เก๋ เพราะจะกลายเป็นการรับสารภาพและเป็นหลักฐานมัดตัวเองว่าฝ่าฝืน พรก. โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท และหากพบว่ามีความผิดอื่นด้วย เช่น ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็จะถูกดำเนินคดีด้วย โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีทีมมอนิเตอร์ผู้กระทำผิด เบื้องต้นพบเข้าข่ายต้องดำเนินคดีแล้ว 10 คน
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรเพิ่มเติม คือถนนพญาไท จากแยกราชเทวี ถึงแยกสามย่านตัดถนนพระราม 4 ส่วนผู้ที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส จะงดจอดที่สถานีชิดลม ราชดำริ สยาม สนามกีฬาแห่งชาติ และราชเทวี ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จะงดจอดที่สถานีสามย่าน
18.45 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมโล่ตั้งแถวหน้ากระดานเคลื่อนออกจากแยกเฉลิมเผ่ามุ่งหน้าเข้าจุดการรวมตัวของผู้ชุมนุมคณะราษฎรเพื่อกระชับพื้นที่ พร้อมกับการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อแจ้งให้ยุติการชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมคงรวมตัวกันอยู่เช่นเดิมเต็มพื้นที่พื้นถนน