ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ (ครม.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยการประชุมครั้งนี้มีเพียงนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ เข้าร่วมประชุมเท่านั้น
หลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า ครม.นัดพิเศษวันนี้ มีมติเห็นชอบพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในท้องที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องประกาศใช้ เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในกรุงเทพมหานคร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 4.00 น. ของวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ตามกฏหมายต้องนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อให้ความเห็นชอบภายใน 3 วัน จึงเป็นการทำให้ครบขั้นตอน ซึ่งสาระสำคัญในประกาศมีหลายประการ เช่น การห้ามชุมนุม การให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นผู้ต้องสงสัย และจับกุมผู้กระทำผิด ทั้งนี้รัฐบาลมุ่งหวังให้ประเทศมีเสถียรภาพ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมือง ที่กำลังเผชิญกับโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยเมื่อวานนี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ร่วมพูดคุยหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ การเดินหน้าใช้งบประมาณ และมาตรการป้องกันโควิด-19 แต่เมื่อมีสถานการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น ก็จำเป็นต้องประกาศใช้ และจะใช้ให้สั้นที่สุด คือประมาณ 30 วัน หรือน้อยกว่านั้น หากสถานการณ์คลี่คลายได้เร็ว และไม่ถึงขั้นประกาศกฏอัยการศึก พร้อมย้ำไม่ได้มุ่งหวังทำร้ายใคร จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้ประเทศสงบสุขมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังเป็นห่วงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ห่วงนิสิตนักศึกษา จึงอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองดูแลด้วย
ทั้งนี้ได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดูแลสถานการณ์ตามประกาศแล้ว พร้อมเตือนประชาชนอย่าทำผิดกฏหมาย รวมทั้งการใช้สื่อโซเชียลสร้างความสับสนวุ่นวาย ขอให้มองถึงประโยชน์ส่วนใหญ่ของคนในประเทศ และสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาของประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่ารัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฏหมายและขั้นตอนของรัฐสภา
..