ตั้ง 2 คณะอนุกรรมการฯ สอบเก้งเผือกหาย-ปัญหาในสวนสัตว์สงขลา ภายใน15วัน
คณะกรรมการชุดพิเศษตรวจสอบกรณีเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานหายและการลักลอบค้าสัตว์ป่าในสวนสัตว์สงขลา ที่มีนายเฉลิมชัย ปาปะทา ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมนัดแรกยืนยันว่าต้องสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อตอบคำถามสังคมให้ได้โดยเริ่มตรวจสอบที่สวนสัตว์สงขลาก่อนเป็นอันดับแรก นายเฉลิมชัย กล่าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 2 กรณี ประเด็นที่เก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานหายไป และประเด็นการดำเนินกิจการของสวนสัตว์ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 45 วัน นอกจากนี้ มีมติตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด
-ชุดแรก พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.สอบสวนกลาง เป็นประธานในการสอบข้อเท็จจริงกรณีเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานหายไปทั้ง 2 ตัว
-ชุดที่ 2 นายสมปอง ทองสีเข้ม ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธานพร้อมคณะกรรมการ 6-7 คน สอบสวนปัญหาภายในสวนสัตว์สงขลา ทั้ง 2 คณะให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน
การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยเฉพาะกรณีเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานหายไป และถูกงูเหลือมกินไปจริงหรือไม่ แล้วงูตัวที่ตายตายเองหรือถูกทำให้ตาย หากมีการแจ้งความแล้วขั้นตอนการดำเนินคดีอยู่ในขั้นตอนไหน รวมทั้งให้สำรวจจำนวนสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ทั้งหมดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอะไรหายไปอีกหรือไม่ จึงขอให้คณะกรรมการชุดนี้เดินหน้าสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ถึงที่สุด หากพบมีการกระทำผิดจริงหรือมีการทุจริตให้ดำเนินการทางกฎหมายไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งเรื่องการลักลอบค้าสัตว์ป่าในสวนสัตว์จริงหรือไม่ ต้องสอบให้ถึงต้นตอจึงต้องขอให้ทหารและตำรวจเข้ามาช่วย คณะกรรมการชุดนี้ต้องไม่มีการใช้การกล่าวอ้างโดยไม่มีพยานหลักฐาน แต่ต้องเป็นการพิสูจน์จากข้อเท็จจริงทั้งหมด ใครผิดว่าไปตามผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่จะลงพื้นที่วันที่ 19 ต.ค.นี้
เร่งตรวจ! รถตรวจหาเชื้อชีวนิรภัยฯ คัดกรองเชื้อโควิด-19 ที่จุดขนถ่ายสินค้าหน้าด่านแม่สอดแห่งที่ 2
หลังจากตรวจพบคนขับรถชาวเมียนมาที่ข้ามมาซื้อสินค้าในโกดังกลางเมืองแม่สอด จ.ตาก ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 คน ทำให้มีมาตรการคุมเข้มในพื้นที่ อ. แม่สอด และเร่งตรวจค้นหาเชื้อ
-ตลาดสดทั้งสองแห่งกลางเมืองแม่สอดค่อนข้างเงียบเหงา แต่ห้างร้านต่างๆ ยังคงเปิดค้าขายตามปกติ เฉพาะตลาดพาเจริญ ซึ่งเป็นตลาดการค้าชายแดนสองแผ่นดินได้มีการตั้งจุดคัดกรองรอบตัวตลาดอย่างเข้มงวด โดยมีการติดป้ายสำหรับผู้ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยเข้ามาในตลาดพาเจริญ จะถูกปรับจำนวนเงิน 2,000 บาท พร้อมมีการเดินแจกหน้ากากอนามัยให้กลุ่มแรงงานและคนยากจนในชุมชนรอบตลาดสดทั้งสองแห่ง
-เทศบาลนครแม่สอด มีคำสั่งปิด 11 โรงเรียนในสังกัดเป็นการชั่วคราว 1 วัน และจะเปิดเรียนอีกครั้งในวันที่ 14 ต.ค. เพื่อเร่งทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคทุกพื้นที่ของโรงเรียนและลดการเดินทางของนักเรียนเข้ามาในพื้นที่กลางแม่สอด
-นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด กล่าวว่า สาธารณสุขจังหวัดตากได้ส่งรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจชาวบ้านทั้งคนไทยและคนเมียนมาในพื้นที่เสี่ยงหลายชุมชนเขตเทศบาลนครแม่สอด คาดว่า จะสามารถตรวจกลุ่มเสี่ยงได้ประมาณ 4,000 คน และในวันนี้ จะนำรถตรวจหาเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน มาประจำที่จุดขนถ่ายสินค้าหน้าด่านถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 เพื่อตรวจหาเชื้อคนขับรถทั้งชาวไทยและเมียนมาทุกคนอย่างเข้มงวด
-จุดผ่านแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 สะพาน มิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก ยังคงเปิดเป็นปกติ และยังคงมีรถบรรทุกเล็กจากฝั่ง จังหวัดเมียวดี เมียนมา ข้ามเข้ามายังจุดขนถ่ายสินค้าหน้าด่านเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อรอขนถ่ายสินค้าจากรถขนส่งคู่ค้าฝั่งไทยที่นำสินค้ามาส่งบริเวณหน้าด่าน ตามออเดอร์ ท่ามกลางมาตรการการคัดกรองอย่างเข้มงวดสองเท่า โดยมีทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 กองร้อย อส.อ.แม่สอด เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรแม่สอด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตาก สาธารณสุขจังหวัดตาก ควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดตามมาตรการป้องกัน
-นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า ฝั่งเมียวดี มีการกักตัวกลุ่มเสี่ยงกว่า 100 คน ส่วนฝั่ง อ.แม่สอด ได้มีการตรวจเชื้อ ตรวจสารคัดหลั่ง กลุ่มเสี่ยงสูง 70 คน ผลตรวจเป็นลบหมดทุกคน แต่เพื่อความมั่นใจได้ให้ทุกคนในกลุ่มเสี่ยงกักตัวใน Home Quarantine อีก 14 วันและต้องตรวจเชื้อซ้ำอีกครั้ง
สธ.ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีหมอคนเดียวทำคลอด
ผู้เสียหาย 3 ครอบครัว ที่ฝากครรภ์และทำคลอดกับสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลสมุทรสาครคนเดียวกัน แต่ลูกเสียชีวิตทั้งหมด มาร้องเรียนและขอความเป็นธรรมต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.)โดยมี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัด สธ. นพ.กิตติ กรรภิรมย์ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 5 นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร รับเรื่อง พร้อมระบุว่า มีการตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้แล้ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน พร้อมทั้งมีการพิจารณาการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ด้าน พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ เครือวณิชธรรม ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร บอกว่า ตำรวจจะต้องตรวจสอบการเสียชีวิตของทารกว่าเกิดจากความบกพร่องหรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย ตรวจสอบดูว่ากระบวนการเป็นอย่างไรเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่มาแจ้งกับตำรวจ
ขณะที่ นพ.ธรรมวิทย์ เกื้อกูลเกียรติ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า การร้องขอเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายทั้ง 3 ครอบครัว จากตัวเลขของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พบว่า ภายในระยะเวลา 1 ปี โรงพยาบาลสมุทรสาคร มีเด็กเสียชีวิตเกิน 100 ศพ แค่เดือน ก.ย. 2563 เพียงเดือนเดียว เสียชีวิตมากถึง 40 ศพ เป็นไปได้อย่างไร พร้อมขอให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
CR:กระทรวงสาธารณสุข
เหยื่อแชร์ลูกโซ่ ถูกหลอกลงทุนซื้อข้าว ร้องดีเอสไอ เร่งดำเนินคดีเสียหายเป็นพันล้าน
น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ นำข้าราชการเกษียณอายุ และผู้เสียหาย กว่า 100 คน เข้าร้องทุกข์ต่อนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลอกให้ร่วมลงทุนซื้อข้าวหอมมะลิยี่ห้อ "กอระ" แต่ไม่ได้รับเงินปันผลตามกำหนด สร้างความเสียหายหลักพันล้านบาท โดยการันตีว่าได้รับเงินปันผลทุกเดือน พร้อมจัดโปรโมชั่นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ภายหลังกลับไม่ได้จ่ายเงินปันผลตามกล่าวอ้าง ขณะนี้ได้มีการรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายแล้วกว่า 1,000 คนและแจ้งความกับพนักงานสอบสวนไว้ตามโรงพัก 44 แห่ง ในพื้นที่ 21 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตำรวจได้ทยอยออกหมายเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหาเข้าให้ปากคำแล้ว ส่วนการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นพบว่า เฉพาะการลงทุนในเฟสแรกมีมูลค่าความเสียหาย 4,012 ล้านบาท จากการลงทุนซื้อข้าวกอระ 7.5 แสนยูนิต แต่บริษัทดังกล่าว ยังพยายามเปิดบริษัทใหม่เพื่อชักชวนผู้เสียหายลงทุนแบบเดิมอีก โดยคาดว่ามีผู้สูงอายุตกเป็นเหยื่อสูงหลักหมื่นคน ส่วนการที่เข้ามาร้องทุกข์กับดีเอสไอ เพราะต้องการให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และขอให้เร่งเยียวยาให้ผู้เสียหาย พร้อมทั้งให้ภาครัฐหามาตรการป้องกันที่มีความชัดเจนและรัดกุม
ด้านนายปิยะศิริ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับหนังสือร้องทุกข์จากกลุ่มผู้เดือดร้อนตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 แล้ว แต่ยังไม่มีผู้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฐานแชร์ลูกโซ่ชัดเจน และหลังจากที่ผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์กับดีเอสไอแล้ว จะสั่งการให้พนักงานสอบสวนแจ้งไปยังบริษัทผู้ถูกกล่าวหาเพื่อให้ข้อมูลโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันจะเริ่มสอบปากคำผู้เสียหายทันที
นอกจากนี้ จะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการออกใบอนุญาต สคบ.ให้กับ 1 ใน 3 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าดีเอสไอพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายทุกคน