ร่วมใจบำเพ็ญกุศล น้อมรำลึกวันคล้ายวันสวรรคต 13 ต.ค.ในหลวง รัชกาลที่ 9
13 ต.ค.เป็นวันสำคัญของคนไทยทุกคน เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เช้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและภริยา พร้อมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 89 รูป บริเวณท้องสนามหลวง ส่วนในต่างจังหวัด จัดพิธีที่ศาลากลางจังหวัดหรือสถานที่ที่เหมาะสม โดยจัดพิธีพร้อมกันกับส่วนกลาง และสำหรับในต่างประเทศ มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลพิจารณาการจัดพิธีตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม
ส่วนในช่วงสาย นายกฯ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาและถวายบังคมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และช่วงค่ำ เวลา 19.19 น. นายกฯ เป็นประธานในพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
การจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อน้อมรำลึกถึงพระองค์ วันพรุ่งนี้ รัฐบาลร่วมกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนักเรียนจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมพัฒนาพื้นที่เรียนรู้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การปลูกต้นไม้ และการทำผลิตภัณฑ์ครัวเรือน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
การจัดกิจกรรมตลอดทั้งเดือนนี้ มีการจัดกิจกรรมจิตอาสา ปณิธานความดี ทำดีเริ่มได้ที่ใจเรา โดยให้สถาบันการศึกษาและสถานสงเคราะห์ทุกแห่งเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน ร่วมจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เช่น การพัฒนาศาสนสถาน การพัฒนาสถานที่สาธารณะ ชุมชน วัด โรงเรียน แม่น้ำคูคลอง การปลูกต้นไม้ การเก็บขยะ เก็บผักตบชวา การกำจัดวัชพืช การปรับปรุงภูมิทัศน์ การจัดกิจกรรมซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix it Center
CR:รัฐบาลไทย
มูลนิธิปิดทองหลังพระ จับมือ 5 หน่วยงาน ยึดแนวทางพระราชดำริฟื้นวิกฤต
ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยในงานเสวนาไม่ท้อ ไม่ถอย – พระราชดำริค้ำจุนสังคมว่า มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ร่วมกับ 5 หน่วยงาน คือ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อการประสานงานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ร่วมกันสืบสานและประยุกต์แนวพระราชดำริไปใช้เพื่อให้ประเทศผ่านความท้าทายด้านต่างๆ ไปได้ โดยเฉพาะการช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถช่วยเหลือตัวเอง มีอิสรภาพในชีวิต และเป็นฐานรากในการพัฒนาประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง
ในเวลาสั้น ๆ เพียง 2 ปี ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า จากภัยแล้ง น้ำท่วม และจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังหาจุดลงตัวไม่เจอ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสอยู่แล้ว ยิ่งลำบากกว่าเดิม และคนไทยทุกคนได้รับผลกระทบอย่างไม่เคยมีมาก่อน และในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ที่เข้ามาทดแทนแรงงานคนอย่างรวดเร็ว คาดว่า จะกระทบกับแรงงานไทยไม่ต่ำกว่า 14 ล้านคน
ทั้ง 6 หน่วยงาน ได้ร่วมกันสร้างระบบนิเวศเพื่อความยั่งยืนให้ภาคชนบท ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านโครงการและกิจกรรมที่มุ่งสืบสาน รักษา ต่อยอด เช่น สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้ 105.83 ล้านไร่ เพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำ 6,776.71 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มพื้นที่รับประโยชน์จากน้ำ 9.44 ล้านไร่ เพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืน 3.23 ล้านบาท สร้างอาชีพและเพิ่มรายได้เกษตรกรตามแนวทฤษฎีใหม่ 2.83 ล้านครัวเรือน รวมทั้งพัฒนากลุ่มอาชีพที่มั่นคงและกลุ่มบริหารจัดการตัวเองได้ 70,431 กลุ่ม และสร้างปราชญ์และผู้นำเพื่อร่วมขยายแนวพระราชดำริมากกว่า 3.55 แสนราย
อุตุฯเตือนพายุนังกา ทำให้ฝนตกเพิ่มขึ้น ส่วน จ.บึงกาฬ นครพนม ติดตามระดับน้ำในแม่น้ำโขง
การติดตามพายุนังกา คาดว่าจะทำให้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า พายุระดับ 3 (พายุโซนร้อน) นังกา บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่า จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำเข้าสู่บริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 14-15 ต.ค.โดยจะมีผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น แต่พายุลูกนี้ไม่ได้กระทบไทยโดยตรง ติดตามสถานการณ์และการคาดการณ์ได้ที่เว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th/daily_forecast.php
นายบุญธรรม ตั้งล้ำเลิศ นักอุตุนิยมวิทยาชำนาญการ เปิดเผยว่า พายุนังกา ไม่ได้กระทบไทยโดยตรง ไม่ถึงขั้นทำให้มีฝนตกหนักมาก แต่ขอให้ จ.บึงกาฬ และจ.นครพนม ติดตามสถานการณ์มากกว่าจังหวัดอื่น เนื่องจากอยู่ใกล้ริมแม่น้ำโขง เนื่องจาก พายุลูกนี้จะทำให้ประเทศเวียดนาม และลาว มีฝนตกด้วย
ก.เกษตรฯ ตั้งวอร์รูมเกาะติดพายุ ด้าน จ.อุบลฯ-ตรัง เฝ้าระวังจุดเสี่ยงดินถล่ม
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้จัดตั้งวอร์รูม เพื่อรายงานสถานการณ์เร่งด่วนตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะทำหน้าที่รายงาน แจ้งเตือน รวมถึงออกมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด
นายวิรุจ วิชัยบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งเตือนไปยังพื้นที่เสี่ยงทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดให้ติดตามสถานการณ์พายุระดับ 3 โซนร้อน หลิ่นฟา แม้จะลดกำลังลง แต่ยังทำให้มีฝนตกหนักบางพื้นที่และอาจเกิด
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบนลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ในส่วนของ จ.ตรัง หลังจากมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบรรทัดเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำรวม 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 6 ตำบลนาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง กว่า 20 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูง ตั้งแต่ 20-70 เซนติเมตร มีการย้ำเตือนพื้นที่ที่ดินเริ่มชุ่มน้ำทำให้มีความอ่อนไหวเกิดดินถล่ม โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลาดชิงเขา พื้นที่เสี่ยงลุ่มต่ำ อาจเกิดสถานการณ์
สบส.มีแนวคิดให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาระยะสั้น เที่ยวควบคู่กับการกักตัว
มาตรการผ่อนปรนเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแนวคิดในการกักกันโรครูปแบบใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย เพราะกรณีเข้ามาระยะสั้นและต้องกักตัวอีก 14 วัน อาจทำให้เหลือเวลาท่องเที่ยวไม่มาก จึงมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไร เพื่อเป็นการควบคุมโรคพร้อมทั้งได้ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยังเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ
สบส.จึงมีแนวคิดในการจัดทำระบบกักกันตัวร่วมกับการท่องเที่ยวแบบกำหนดพื้นที่เฉพาะ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยแทนที่จะกักตัว 14 วันอยู่ในห้องพัก ก็จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวตามแพคเกจที่เรากำหนด เช่น สถานที่เที่ยวที่เปิดโล่ง สถานที่เที่ยวความเสี่ยงน้อย เป็นต้น และการท่องเที่ยวลักษณะนี้จะกำหนดพื้นที่ตายตัวว่าจะไปเส้นทางไหนได้บ้าง ซึ่งจะต้องมีระบบติดตามตัว (Tracking) เป็นเครื่องมือไม่ให้ออกนอกเส้นทาง และมีเจ้าหน้าที่ควบคุมตลอดเส้นทางการเดินทาง ซึ่งได้มีการหารือกับจังหวัดที่มีความพร้อมและเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เช่น จ. ชลบุรี ภูเก็ต ระยอง เชียงใหม่ เชียงราย บุรีรัมย์ และสุราษฎร์ธานี ซึ่งหลายจังหวัดมีความสนใจแนวคิดนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ด้วยว่ามีความพร้อมหรือไม่ ซึ่งจะมีการลงพื้นที่และทำการสอบถามต่อไป
นพ.ธเรศ กล่าวถึง การเลือกนักท่องเที่ยวว่าต้องเลือกประเทศต้นทางที่มีการควบคุมโรคได้ดี เช่น จีน มีบางมณฑลมีประชากร 100 ล้านคน ไม่มีโควิด-19 มาประมาณ 180 วัน เมื่อเลือกประเทศต้นทางเสี่ยงน้อย มีการตรวจโควิด-19 เป็นลบ และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็เลือกพื้นที่ท่องเที่ยวประมาณ 4-5 แห่ง ที่ควบคุมได้ และไม่รบกวนบุคคลอื่น ส่วนที่พักก็มีสถานกักกันโรคท้องถิ่น (Local Quarantine) อยู่แล้ว ซึ่งหลักการเห็นตรงกันแต่รายละเอียดต้องหารือกันอีกที