ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563
บชน.วางกำลังรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม 14 ต.ค.
การเตรียมพร้อมการดูแลการจราจรกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม จะชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 14 ต.ค.นี้ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 ต.ค. อาจจะมีผลกระทบการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถนนราชดำเนินกลาง เวลา 14.00 น.โดยทางบช.น. มีหลักการอำนวยความสะดวกด้านจราจรจะไม่ปิดการจราจรเส้นทางบริเวณดังกล่าว โดยฝ่ายความมั่นคงจะจัดพื้นที่บริเวณฟุตบาท เพื่อไม่ให้กระทบกับพื้นผิวการจราจร แต่หากกลุ่มผู้ชุมนุมลงมาบริเวณพื้นผิวการจราจรทำให้การจราจรไม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้โดยปริยาย จะปิดการจราจร 2 ระดับคือ
1.ปิดการจราจรในส่วนของถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่บริเวณแยกคอกวัวถึงแยกป้อมมหากาฬ ถนนดินสอจะปิดการจราจรตั้งแต่แยกมหรรณพ ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปจนถึงแยกสะพานวันชาติ
2.เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนมากบริเวณถนนราชดำเนินกลาง จะปิดการจราจรบริเวณแยกผ่านพิภพลีลา เมื่อข้ามฝั่งมาจากธนบุรีให้เลี้ยวขวาใช้เส้นทางบริเวณถนนอัษฎางค์ได้ตามปกติ
ส่วนอีกทางทิศเหนือแยกยมราช มาถึงแยกหลานหลวงสามารถเลี้ยวขวาขึ้นสะพานพระราม 8 ได้ตามปกติ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการเดินทางขอให้ประชาชนวางแผนเพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดินทาง
“ส่วนเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบมีทั้งหมด 5 เส้นทาง คือ ถนนราชดำเนินกลาง, ถนนหลานหลวง, ถนนดินสอ, ถนนตะนาว และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยเฉพาะสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า อาจเกิดการจราจรติดขัดได้ ขอให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางสะพานพระราม 8, สะพานกรุงธนบุรี, สะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ, สะพานพระปกเกล้าฯ, สะพานตากสิน ใช้ได้ตามปกติ แต่หากกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนที่ไปจุดใดก็ตาม อาจจะกระทบกับการจราจรจะปิดการจราจรก่อนถึงจุดที่จัดกิจกรรม 1 ทางแยก เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนผ่านไปก็จะเปิดช่องทางการจราจรตามปกติ”
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ยืนยันว่า จะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าวตั้งแต่ 13 ต.ค.เป็นต้นไป เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่สังคมกังวลกรณีที่ผู้ชุมนุมอาจส่งผลกระทบกับเส้นทางเสด็จฯ บช.น.มีแผนเตรียมพร้อมรองรับเพื่อถวายความปลอดภัยฯ และเชื่อว่าจะไม่มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ชุมนุมกับผู้ที่มารอรับเสด็จฯ โดยเตรียมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไว้คอยดูแลแล้ว
สำหรับการออกมาตรการเข้มข้นกว่าวันที่ 19-20 ก.ย.หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การดำเนินการต่างๆ มีลักษณะคล้ายกันคือมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 3 โซน คือ
-โซนแรกบริเวณสนามหลวง ท่าพระจันทร์ ถนนราชดำเนินใน มีพล.ต.ต.เมธี รักษ์พันธุ์ ผบก.น.6 รับผิดชอบ
-โซนที่ 2 คืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง มีพล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1
-โซนที่ 3 ถนนราชดำเนินนอก แยกมัฆวาน มีพล.ต.ต. มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. เป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวมบริเวณดังกล่าว
ขณะนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ได้ขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการชุมนุม ขอเชิญชวนกลุ่มผู้ชุมนุมหารือเพื่อหาแนวทางร่วมกัน หรือประสานมาที่ผกก.ท้องที่นั้นๆ เพื่อขออนุญาตการชุมนุม โดยบช.น.มีหน้าที่รักษาความสงบในพื้นที่กรุงเทพมหานครก็จะดูแลประชาชนบริเวณดังกล่าวเป็นหลัก และดูแลประชาชนที่มาเข้าร่วมการชุมนุมให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด
ส่วนการตั้งจุดคัดกรองผู้ที่จะมาเข้าร่วมการชุมนุมนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ทางบช.น.มีภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมทั้งหมด พื้นที่กรุงเทพมหานคร การเคลื่อนกำลังของกลุ่มผู้ชุมนุมอาจจะมีกลุ่มบุคคลไม่หวังดี หรือมีบุคคลที่ 3 หรือมีบุคคลที่อาจมาก่อความไม่สงบเรียบร้อย โดยอาศัยการชุมนุมมาก่อเหตุดังกล่าว พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผบช.น.ดูแลงานป้องกันปราบปราม ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องประชุม เพื่อหาแนวทางตั้งจุดตรวจจุดสกัดป้องกันอาชญากรรมหรือป้องกันเหตุร้ายแล้ว ส่วน 21 จุดที่จะนำกำลังตำรวจไปวางนั้น พูดไปแล้วก่อนหน้านี้คือตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุม จะเคลื่อนที่ไปยังจุดอื่นๆ จะใช้แนวทางปิดการจราจรชั่วคราว ก่อนถึงจุดจัดกิจกรรม 1 ทางแยก และเปิดการจราจรตามปกติ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมผ่านไปแล้ว แต่ขอให้ประชาชนที่ไม่มีความจำเป็น หลีกเลี่ยงเส้นทางโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อลดผลกระทบการจราจรในภาพรวม
74 คน ผู้มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 ชาวเมียนมายังไม่พบติดเชื้อ
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) หลังพบพนักงานขับรถชาวเมียนมา 3 คน ติดเชื้อโควิด-19 บริเวณด่านแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.เมียวดีแล้ว นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการสอบสวนโรคในพื้นที่พบมีผู้สัมผัสใกล้ชิดในฝั่งไทยรวม 74 คน ผลการตรวจเชื้อเป็นลบ ไม่ติดเชื้อ แต่จะต้องเฝ้าระวังจนครบ 14 วัน
นอกจากนี้ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน 3 คันได้ลงไปในพื้นที่ เพื่อทำการเก็บตัวอย่างจากคนในพื้นที่ อ.แม่สอด ทั้งคนไทยและต่างชาติ ตรวจค้นหาโควิด-19 เป้าหมาย 1,500 คน ถือเป็นการเฝ้าระวังเชิงรุกในพื้นที่ และให้ความรู้กับประชาชน สร้างความเข้าใจว่า การพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มีมาตรการที่เข้มแข็งและรวดเร็วในการเข้าไปควบคุมการแพร่เชื้อ พร้อมทั้งยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันโรค 10 จังหวัด ตามแนวชายแดนมาตั้งแต่เดือน ก.ย. ยกระดับมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเมื่อมีผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจจะเข้าไปดำเนินการควบคุมอย่างรวดเร็ว
ผลวิจัยออสเตรเลีย เผยเชื้อไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 มีชีวิตนาน 28 วัน
การวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ของรัฐบาลออสเตรเลีย และพิมพ์เผยแพร่ในวารสารไวรัสวิทยา(Virology Journal) ชี้ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 สามารถจะมีชีวิตได้นาน 28 วัน ทำให้สามารถแพร่เชื้อต่อไปได้ ขณะเกาะติดอยู่บนพื้นผิวของวัตถุสิ่งของต่างๆ เช่น ธนบัตรทั้งที่ทำจากพลาสติกและกระดาษ,หน้าจอโทรศัพท์ และเหล็กกล้าไร้สนิม แสดงให้เห็นว่าโรคโควิด-19 มีชีวิตนานกว่าที่นักวิจัยเคยศึกษาในตอนแรก
การวิจัยครั้งนี้ดำเนินการในห้องแล็บ อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส และมีสภาพเป็นห้องมืดเทียบกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดทั่วๆไปเมื่อเก็บเชื้อไว้ในสภาพแวดล้อมอย่างเดียวกันสามารถจะมีชีวิตได้นาน 17 วัน แต่เป็นที่ทราบกันว่ารังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสียูวี หรืออากาศร้อน เช่น อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส สามารถจะฆ่าเชื้อไวรัส ทำให้ไวรัสหยุดแพร่เชื้อใน 24 ชม.
สำหรับสาเหตุหลักๆของการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่แพร่เชื้อไวรัสจากละอองฝอยเมื่อคนไอ จามหรือพูดคุยกัน นอกจากนี้ มีหลักฐาน ชี้ว่า เชื้อไวรัสนี้สามารถจะแพร่โรคจากละอองขนาดเล็กๆที่ลอยอยู่ในอากาศด้วย สอดคล้องกับศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐฯที่ระบุว่าเป็นไปได้เช่นกันที่บางคนอาจจะติดโรคโควิด-19 จากการสัมผัสพื้นผิวของวัตถุสิ่งของต่างๆเช่น เหล็กกล้าหรือพลาสติกที่มีเชื้อไวรัสเกาะติดอยู่
ก่อนหน้านี้ มีผลการวิจัยของห้องแล็บ ซึ่งระบุว่า เชื้อโรคโควิด-19 สามารถจะมีชีวิตได้ 2-3 วัน กรณีติดอยู่บนพื้นผิวของธนบัตรและอยู่ได้นาน 6 วัน กรณีติดอยู่บนพื้นผิวของพลาสติกหรือเหล็กกล้าไร้สนิม
ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เกาหลีใต้ ยังบังคับสวมหน้ากากอนามัย-ห้ามชุมนุม รวมกลุ่ม
สำนักงานควบคุมและป้องกันโรค(KDCA)ของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในวันนี้เกาหลีใต้พบผู้ป่วยใหม่ 98 คน แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในท้องถิ่น 68 คน อีก 29 คนเป็นผู้โดยสารจากต่างประเทศ นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับ 58 คนเมื่อวานและ 72 คนเมื่อวันเสาร์
ขณะเดียวกันเกาหลีใต้ เริ่มผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอีกหนึ่งขั้นจากระดับ 2 มาที่ระดับที่ 1 อนุญาตให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ให้ตระหนักเรื่องมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางสาธารณสุข เช่นหมั่นล้างมือให้สะอาดและอยู่ห่างจากคนอื่นๆอย่างน้อย 1 เมตร ขณะที่สถานบันเทิงต่างๆในกรุงโซลและเขตปริมณฑลที่ถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เช่น คลับ ร้านคาราโอเกะ บาร์และร้านอาหารแบบบุฟเฟต์ เปิดให้บริการได้ตามปกตินับตั้งแต่วันนี้ แต่พวกเขาจะต้องตระหนักเรื่องมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข เช่น การจัดให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยและรวบรวมข้อมูลลูกค้าที่ใช้บริการเพื่อความสะดวกในการติดต่อในภายหลัง
ภายใต้ระเบียบใหม่เฉพาะกรุงโซลและเขตปริมณฑล รัฐบาลขอร้องประชาชนให้งดเว้นการจัดการชุมนุมหรือการรวมกลุ่ม แต่ไม่ได้ห้ามการจัดงานต่างๆ เช่น งานเทศกาล คอนเสิร์ตและการแสดงสินค้า แต่ต้องจัดให้มีพื้นที่เว้นระยะห่าง โดยให้แต่ละคนอยู่ห่างกันราว 4 ตารางเมตร
แต่การสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่มีผู้คนแออัด หรือกรณีใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเช่นรถไฟใต้ดินยังคงเป็นมาตรการบังคับทางสาธารณสุขให้ทุกคนต้องปฏิบัติเพื่อลดการแพร่ระบาด ส่วนกรณีการฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรคจะถูกปรับ 100,000 วอน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีผู้ป่วยสะสม 24,703 คน เสียชีวิต 433 ราย
จีน เร่งตรวจคัดกรอง 9 ล้านคนในเมืองชิงเต่า เชื่อมโยงกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล
หลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ประเทศจีน ตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 รวม 12 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่มีอาการป่วย 6 คนและกลุ่มไม่มีอาการป่วย 6 คน คณะกรรมการสาธารณสุขของเมืองชิงเต่า เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะดำเนินมาตรการเชิงรุกตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 สำหรับประชากรรวมทั้งหมด 9,000,000 คน โดยใช้เวลาดำเนินโครงการนี้ 5 วัน เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เริ่มตรวจตั้งแต่เวลา 07.00น.ถึงเวลา 23.00 น.
มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากพบว่าผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มาจากต่างประเทศ ด้านสำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเมืองชิงเต่า ระบุว่า ตามปกติในช่วงเวลาเช่นนี้ มีนักท่องเที่ยว 4,470,000 คนเดินทางมาเที่ยวที่เมืองชิงเต่า ทั้งนี้ ประเทศจีนมีผู้ป่วยสะสม 85,578 คน เสียชีวิต 4,634 ราย
น้ำท่วมหนักเวียดนามตาย 18 ราย
คณะกรรมการกลางขับเคลื่อนการควบคุมและป้องกันภัยธรรมชาติของเวียดนาม ระบุในแถลงการณ์ว่า มีผู้ประสบภัยในย่านชนบทของจังหวัดเถื่อเทียนเว้ กว๋างนาม กว๋างบิ่ญ กว๋างจิ และกว๋างหงาย มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 18 ราย และอีก 14 คน สูญหาย หลังถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัด ด้านกองทัพเวียดนาม นำเฮลิคอปเตอร์ออกปฏิบัติการช่วยเหลือชาวประมง 8 คน ในท้องทะเลที่มีคลื่นลมแรง ของจังหวัดกว๋างจิ ในจำนวนนี้มีชาวประมงเสียชีวิต 3 ราย และอีก 3 คนสูญหาย
ทางการเวียดนามได้อพยพประชาชนกว่า 45,800 คน ออกจากพื้นที่ ขณะที่บ้านเรือนกว่า 109,000 หลัง ถูกน้ำท่วมขัง และมี 382 หลัง ที่พังทลายหรือเสียหาย นาข้าวราว 3,650 ไร่ และพื้นที่เพาะปลูกราว 25,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมขัง ปศุสัตว์กว่า 150,800 ตัว ต้องตายหรือถูกกระแสน้ำพัดพาขณะนี้ ทางการกำลังเตรียมรับมือกับพายุลูกใหม่ที่กำลังเคลื่อนตัวมาจากทะเลจีนใต้ และคาดว่าจะส่งผลให้มีฝนตกหนักอีกครั้ง
สองนักเศรษฐศาสตร์อเมริกันคว้ารางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2563
ศ.พอล มิลกรอม และศ.โรเบิร์ต วิลสัน สองนักเศรษฐศาสตร์อเมริกัน เป็นผู้คว้ารางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2563 จากผลงานคือการปรับปรุงทฤษฎีเรื่องการประมูลงานของภาครัฐให้ดียิ่งขึ้น พร้อมสร้างรูปแบบการประมูลใหม่ๆขึ้นมา ทั้งสร้างรูปแบบการประดิษฐ์ใหม่ๆในลักษณะเป็นประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้ขาย ผู้ซื้อและผู้เสียภาษี เราสามารถจะนำรูปการประมูลนี้มาใช้ได้ทั่วโลก เช่น การประมูลคลื่นความถี่วิทยุของรัฐ การกำหนดโควตาการทำประมง การกำหนดเวลาลงจอดของเครื่องบินและการออกใบอนุญาตการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งสองคนจะได้รับเงินคนละครึ่งจากเงินรางวัลทั้งหมด 10 ล้านโครนสวีเดน (ราว 35 ล้านบาท) สำหรับรางวัลนี้ไม่ใช่หนึ่งใน 5 รางวัลแรกที่จัดตั้งตามพินัยกรรมของผู้ก่อตั้งรางวัลโนเบลคือ นายอัลเฟรด โนเบล นักอุตสาหกรรมและนักผลิตระเบิดไดนาไมท์ของสวีเดนในปี 2438 แต่ธนาคารกลางแห่งสวีเดนก่อตั้งรางวัลนี้ในเวลาต่อมา และมอบรางวัลเป็นครั้งแรกในปี 2512
หุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้น 6.29 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 1,273.43 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,573.18 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐฯที่มีโอกาสจะบรรลุข้อตกลงได้ ก็จะทำให้เป็นปัจจัยหนุนช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้บ้าง แม้ว่ายังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และยังไม่มีความชัดเจนของวัคซีนโควิด-19 ก็ตาม
ปัจจัยบวกจากในประเทศหลังจากที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังคนใหม่ ได้เริ่มทำงานทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจกลับเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะการเดินหน้าแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการลงทุนของภาครัฐ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของการบริโภคในประเทศที่ประกาศใช้ออกมา ทำให้ตลาดหุ้นไทยดีดตัวกลับขึ้นมาได้ค่อนข้างดี
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลงโดยได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่น ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 23,558.69 จุด ลดลง 61.00 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นกว่าร้อยละ2 ในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นจีน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะประกาศมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ระดับ 24,649.68 จุด เพิ่มขึ้น 530.55 จุด