การผลักดันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยด้วย special tourist visa (STV) อันเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดประเทศอย่างจำกัดในวันที่ 20, 26 ตุลาคม และ 1 พฤศจิกายน แบ่งเป็น
-วันที่ 20 ตุลาคม นักท่องเที่ยวชาวจีน 120 คน เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและเข้ากักตัวในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน
-วันที่ 26 ตุลาคม จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจากกว่างโจวอีกราว 100 คนเดินทางไปที่จ.ภูเก็ต
-และในวันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีนักท่องเที่ยวจากสแกนดิเนเวียเดินทางเข้าสู่ไทยอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนเอกสาร เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากเมืองเสี่ยงต่ำของเดนมาร์กมีความประสงค์เดินทาง แต่เดนมาร์กยังคงอยู่ในรายชื่อประเทศกลุ่มเสี่ยง
โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเริ่มประเมินผลการเปิดเดินทางขั้นแรก (STV1) หากระหว่างนี้ไปจนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน มีจำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติแม้แต่คนเดียว จะไม่ผลักดันการเปิดประเทศไปสู่ขั้นที่สอง (STV2) อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน หากในการประเมิน STV1 มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ จะเสนอให้ขยับขั้นตอนการเปิดประเทศจาก STV1 ไปสู่ STV2 กำหนดให้กักตัวนักท่องเที่ยวในห้องพักส่วนตัว 7 วัน และกักตัวในบริเวณโรงแรมอีก 7 วัน
หลังจากนั้นหากขั้น STV2 ผ่านการประเมินผลและได้รับความมั่นใจจากประชาชนคนไทย กระทรวงจะเดินหน้าเสนอให้นำไทยเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดประเทศอย่างจำกัดขั้นที่ 3 (STV3) กำหนดให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัวและสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้ทันที หากผ่านการตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจการติดเชื้อโควิด-19 ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง
จากการหารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้มอบนโยบายให้ ททท.ทั้ง 29 สำนักงานทั่วโลกเร่งประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย เบื้องต้น ททท.เตรียมสนับสนุนกิจกรรมระหว่างการกักตัว 14 วัน ให้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของนักท่องเที่ยว เสนอกิจกรรมหลากหลายให้เลือกตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แตกต่างกันตลอด 14 วัน พร้อมขยับการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เตรียมเสนอแพ็กเกจสนับสนุนการท่องเที่ยววันธรรมดาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเบื้องต้นจะขอแบ่งงบประมาณจากโครงการเที่ยวปันสุขที่เหลืออยู่มาสนับสนุนส่วนลดร้อยละ40 สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อทริปต่อคนให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 55-75 ปีที่ซื้อแพ็กเกจผ่านบริษัททัวร์ พร้อมระบุหากมีผู้แจ้งความประสงค์เดินทางเป็นครอบครัวพร้อมผู้สูงอายุจะนำไปพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง ตั้งเป้าผลักดันให้เกิดการเดินทางได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยววันธรรมดาและสนับสนุนรายได้ให้ถึงมือผู้ประกอบการบริษัททัวร์อีกด้วย
ด้าน"TraXasia" บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มนักท่องเที่ยวข้ามพรมแดนแบบครบวงจร เผยแพร่รายงานแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชีย ประจำไตรมาส 4 ปี 2563 พบว่า การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวขาเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้พร้อมแล้วที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากการท่องเที่ยวระยะใกล้จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในช่วงของการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก
หลายประเทศอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อทำการท่องเที่ยวแบบไม่กักกัน (Travel Bubble) ผลสำรวจพบว่า จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำที่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ ได้แก่
1. เวียดนาม:โฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง
2. มาเลเซีย: กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โคตาคินาบาลู
3. ไทย: กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่
ขณะเดียวกัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่อันดับ 2 รองจากจีน โดยนักท่องเที่ยวเกาหลีชอบเที่ยวเองมากกว่าเที่ยวกับทัวร์ และเลือกที่จะเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติและทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ