‘อาคม’ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฏิบัติหน้าที่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าๆ แต่งตั้งใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ช่วงเย็นวานนี้ นายอาคม เดินทางมาที่ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวรัฐมนตรี และเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนการปฏิบัติหน้าที่ มีรายงานว่า เช้านี้ นายอาคม เดินทางเข้ากระทรวงการคลัง เพื่อร่วมพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก่อนประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงการคลัง จากนั้นจะเดินทางมาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล
เหตุรถไฟบรรทุกตู้สินค้า พุ่งชนรถบัสลักษณะรถโดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ม. 7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รถบัสคันนี้นำพนักงานบริษัทเอกชนใน จ.สมุทรปราการ กว่า 60 คน เดินทางมาทำบุญที่วัดบางปลานัก ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 2 กิโลเมตร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ดูแลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต จากกรณีดังกล่าว สำหรับผู้เสียชีวิต ทายาทจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม ประกอบด้วย
1.ค่าทำศพ 40,000 บาท เนื่องจาก เสียชีวิตไม่ใช่ระหว่างทำงาน
2.เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต
3.เงินชราภาพ (กรณีที่ 2 และ 3 อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล และคำนวณจำนวนเงินสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับของผู้เสียชีวิตแต่ละราย)
ขณะที่ นายนิรุฒ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พร้อมด้วยนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง สั่งตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยมีนายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง ผู้ช่วยผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ เป็นหัวหน้าศูนย์ในการประสานงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ รฟท.ประสานงานกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอใช้งบประมาณจากกองทุนความปลอดภัยทางถนน (กปถ.) นำมาศึกษาวิธีการแก้ปัญหาอย่างถาวร หากงบประมาณกองทุน กปถ.ไม่เพียงพอให้ทำเรื่องเสนอขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง เพื่อนำมาดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ รฟท. ไปตรวจสอบสาเหตุและวิธีป้องกันแก้ไขปัญหาโดยด่วน ซึ่ง รฟท. จะต้องเข้าไปพิจารณาบริเวณจุดตัดทางรถไฟอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำรอย ขณะเดียวกัน รฟท.จะต้องรวบรวมข้อมูลจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศด้วย โดยแยกประเภทว่า มีการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยหรือไม่ จากนั้นให้สรุปรายละเอียดและรายงานกลับมาที่กระทรวงคมนาคม
จ.ฉะเชิงเทรา ประสาน รฟท.ทำแผงกั้นทางรถไฟ ล้อมคอกเหตุรถไฟชนรถบัส
นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ประสานไปที่ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้จัดทำแผงกั้นทางรถไฟ รวมทั้งปรับทัศนวิสัยในการมองเห็นขบวนรถไฟที่วิ่งผ่านเส้นทางดังกล่าวทั้งบริเวณด้านซ้ายและขวา เนื่องจากก่อนหน้านี้ ชาวบ้านในพื้นที่ได้เคยร้องขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในจุดดังกล่าว เนื่องจากตรงนี้เป็นจุดเสี่ยงและตำรวจก็ยังระบุว่าเกิดอุบัติเหตุบ่อย
ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย รับปากแล้วว่าจะจัดทำไม้กั้นทางแบบชั่วคราวมาติดตั้งบริเวณจุดเกิดเหตุก่อน ส่วนเครื่องกั้นมาตรฐานต้องใช้เวลาดำเนินการ ขณะที่การปรับภูมิทัศน์หรือทัศนวิสัย ในวันนี้จะมีการประสานไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บางเตย เพื่อเร่งหาแนวทางให้เกิดขึ้นจริงโดยเร็ว
กรมการขนส่งทางบก ตรวจสอบพบว่า รถบัสคันดังกล่าวมีความผิด 3 ข้อหา ปรับ 150,000 บาท คือบรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนด ขาดการชำระภาษีประจำปี ตรวจสภาพครั้งสุดท้ายวันที่ 8 ต.ค. 2562 โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชื่อผู้ประกอบการห้างหุ้นส่วนจำกัด รวิสรา เอ็กซ์เพรส และขับรถไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
สำหรับจุดตัดทางถนนและทางรถไฟนั้น มีทั้งสิ้น 2,684 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย เสมอระดับ 2,278 จุด (ได้รับอนุญาต 1,657 จุด และทางลักผ่าน 621 จุด), ทางลอด 214 จุด และทางข้าม 192 จุด
จากข้อมูลสถิติอุบัติเหตุจุดตัดทางรถไฟในช่วงปีงบประมาณ 2558-2562 พบว่า มีจำนวนอุบัติเหตุบริเวณจุดตัด จำนวน 383 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 371 คน และมีผู้เสียชีวิต 138 ราย หรือเฉลี่ยในแต่ละปีเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดเสมอระดับ ปีละประมาณ 77 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 74 คน มีผู้เสียชีวิต 28 ราย
โฆษก สตช. ยืนยันไม่มีข้อมูล 'บอส' หนีไปอยู่ที่ดูไบ
การติดตามตัว นายวรยุทธ อยู่วิทยา หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอัยการ สั่งไม่ฟ้อง ชี้แจงว่า ได้ประสานองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) จนมีการออกหมายแดง (Red Notice) ว่า ประเทศไทยร้องขอให้ช่วยจับกุม นายวรยุทธ ซึ่งกำลังหลบหนี คดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 และมีกระแสข่าวล่าสุดว่า ขณะนี้ นายวรยุทธ อยู่ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว เพราะถูกหลายประเทศกดดันอย่างหนักจากสังคมและสื่อต่างประเทศในการให้ที่พักกับผู้ต้องหารายนี้ โดยเฉพาะที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ทางการขอความร่วมมือไม่ให้นายวรยุทธ เข้าพำนักในระยะยาว
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามปกติหากผู้ต้องหาไปปรากฏตัวอยู่ในประเทศสมาชิกอินเตอร์โพล และตำรวจที่นั่นตรวจพบจะต้องแจ้งให้ประเทศที่ต้องการตัวผู้ต้องหารายนั้น ๆ ได้รับทราบ ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อมูลเข้ามา ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน
รายงานระบุว่า หลังมีการออกหมายแดง กรณีนายวรยุทธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ติดต่อกับชาติสมาชิกอินเตอร์โพลทั้ง 194 ประเทศ ขอให้ช่วยส่งข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของนายวรยุทธ กลับมาที่ สตช. โดยเน้นไปที่หลายประเทศที่นายวรยุทธ เคยอยู่ เช่น ประเทศอังกฤษ, ประเทศสิงคโปร์ หรือแม้กระทั่งเกาะฮ่องกง โดยทั้งหมดได้แจ้งมาว่าไม่พบข้อมูลการเดินทางนายวรยุทธเข้าออกประเทศเหล่านั้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 หรือ ก่อนที่โรคโควิด-19 จะระบาดไปทั่วโลก