ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2563

09 ตุลาคม 2563, 09:23น.



กรมควบคุมโรค เพิ่มทีมสอบสวนโรค 3 เท่า–เฝ้าระวัง 3 กลุ่มหลัก

          นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมระบบการแพทย์ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 รองรับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ



-กรมควบคุมโรค เพิ่มทีมสอบสวนโรคขึ้น 3 เท่า นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคมีทีมสอบสวนโรคเร็ว 1,000 ทีม เตรียมเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า เป้าหมายหากพบติดเชื้อโควิด-19 ต้องควบคุมให้ได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ ลดอัตราป่วย เสียชีวิตต่ำกว่าร้อยละ 1.4 กำชับทุกจังหวัดเตรียมพร้อมและฝึกซ้อมแผนเสมอ



-องค์การเภสัชกรรมและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตรียมเรื่องยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันตัว นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. เปิดเผยข้อมูลว่ามีการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ 628,304 เม็ด ยาเรมเดซิเวียร์ 795 ขวด สำหรับผู้ป่วย 126 คน หน้ากาก N95 คงเหลือ 2,257,471 ชิ้น ชุด PPE คงเหลือ 1,959,980 ชิ้น มี 40 โรงงาน กำลังการผลิต 60,000 ชุดต่อวัน และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ คงเหลือ 50,922,050 ชิ้น



-ข้อมูลเรื่องเตียงทั่วประเทศ มีมากกว่า 20,000 เตียง ตัวเลขการระบาดรอบแรกพบว่าคนไข้นอนไอซียู นอนเฉลี่ยประมาณ 17 วัน ดังนั้น การเตรียมพร้อมครั้งนี้ในกรุงเทพฯ มีเตียงรองรับได้วันละ 230-400 คน ขณะที่ทั่วประเทศรองรับได้วันละ 1,000-1,740 คน



ส่วนกลุ่มเป้าหมายเฝ้าระวังและตรวจทางห้องปฏิบัติการโควิด-19 ใน 3 กลุ่มหลักได้แก่



1.กลุ่มมีอาการเข้าเกณฑ์ ตรวจเชื้อในห้องปฎิบัติการ ผู้ป่วยปอดอักเสบและอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในทุกโรงพยาบาล



2.กลุ่มเป้าหมายเฉพาะหรือพื้นที่เฉพาะ เช่น ผู้ต้องขังแรกรับ แรงงานต่างด้าวพื้นที่ชายแดน



3.กลุ่มอื่นตามสถานการณ์ เช่น นักกีฬาฟุตบอลไทยลีก



กรณีพบผู้ป่วยยืนยัน ต้องเร่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก และค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน กรณีพบผู้ป่วยต่อเนื่องเกิน 28 วัน




ขอให้มั่นใจ! ระบบการตรวจ Rt PCR ด้วยการ swap ของไทย มีมาตรฐาน



         นพ.โอภาส เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมาว่า นอกจากการปิดพรมแดน ประเทศไทยยังควบคุมการตรวจตราคนเข้าออกอย่างรอบคอบ ขณะที่คนไทยก็มีสิทธิกลับเข้าประเทศ และต้องเข้ากักตัวตามระบบ กรณีที่เป็นข่าวคือนักธุรกิจไทยกลับจากเมียนมาและเข้าสถานกักกันตัว ตรวจครั้งที่ 2 พบเชื้อและนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการแพร่เชื้อออกมานอกระบบอย่างแน่นอน



         ส่วนการเดินทางไปทำงานของคนไทยยังหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฟินแลนด์ และอีกหลายประเทศในยุโรปและเอเชีย เป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศปลายทางนั้นๆ ที่จะรับคนไทยเข้าไป สะท้อนว่าหลายประเทศเชื่อมั่นไทยคุมโควิด-19 ได้ดี



         ที่ผ่านมาพบข่าวอยู่บ่อยๆ ที่ประเทศปลายทางตรวจคนไทยแล้วพบติดเชื้อ เช่น ที่ญี่ปุ่น พบคนไทยติดเชื้อ 14 คน ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ไทยจะขอข้อมูลจากญี่ปุ่น จากข้อมูลคนไทย 8 คนแรกที่ญี่ปุ่นส่งมา พบว่าเป็นการตรวจพบเชื้อ ด้วยวิธี rapid test คือตรวจด้วยน้ำลายที่รวดเร็ว และมักจะให้ผลเป็นบวก และเข้ากักตัวทันที แต่หลังจากนั้น 7 วัน เมื่อทำการตรวจแบบมาตรฐาน หรือ Rt PCR ด้วยการ swap ก็จะให้ผลเป็นลบ ซึ่ง 8 คนนั้น ถูกปล่อยตัวกลับบ้านแล้ว แต่เพื่อให้รอบคอบยิ่งขึ้น กรมควบคุมโรคได้ส่งทีมเข้าตรวจหาเชื้อของผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 8 คนดังกล่าวควบคู่กันไป เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ ฮ่องกง เกาหลีใต้ วิธีตรวจก็จะแตกต่างกัน ซึ่งไทยต้องตรวจสอบทานกลับไปกลับมาให้แน่ชัดตลอดเวลา



CR:ภาพจากกรมควบคุมโรค




‘หมอยง’ ยกข้อมูลต่างชาติ ชี้สหรัฐฯ- จีน ใช้วิธีคุมโควิด-19 ต่างกัน



         ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่องโควิด-19 การเมืองกับการสู้รบกับโรคร้าย ระบุว่า บรรณาธิการวารสารระดับโลก ที่ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกคือ New England Journal of Medicine พูดถึง โควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลกและจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 200,000 ราย โดยกล่าวเปรียบเทียบนโยบายการสู้รบกับโรคร้ายในสหรัฐฯเปรียบเทียบกับจีน ที่เป็นประเทศขนาดใหญ่ต่างกันอย่างมากมายทั้งจำนวนผู้ป่วยและอัตราการเสียชีวิต



-จีน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ใน1,000,000 ราย เปรียบเทียบกับสหรัฐฯมีผู้เสียชีวิต 500 ราย ใน 1,000,000 ราย และเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับเกาหลีและสิงคโปร์ ดูจำนวนการตรวจวินิจฉัยต่อจำนวนผู้ป่วยก็ยังสู้คาซัคสถาน ซิมบับเวและเอธิโอเปียไม่ได้



-สหรัฐฯ มีข้อได้เปรียบมากมาย มีเวลาเตรียมตัวมากกว่า มีความพร้อมทางด้านวิชาการ นักวิทยาศาสตร์นักวิชาการจำนวนมากมายที่อยู่ในแนวหน้าของระดับโลก มีประชาธิปไตยที่เสรี แทนที่จะมุ่งเน้นในเรื่องของการป้องกัน การกักกัน การใส่หน้ากากอนามัย มาตรการการป้องกันการระบาด กับไปมุ่งเน้นในเรื่องของวัคซีนและใช้การเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการดูแลป้องกันการระบาดของโรค ในบทความนี้ยังทิ้งท้ายว่านักการเมือง ที่ดูแลดังกล่าว ไม่ควรที่จะมีงานทำในอาชีพนี้ต่อไป



         จากบทเรียนของประเทศสหรัฐฯ สำหรับประเทศไทย ภัยพิบัติโดยเฉพาะโรคระบาด ไม่ควรนำเรื่องการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันดูแลการระบาดของโรค



CR:FB ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ



ต่อชีวิต! คนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มรับเงินงวดแรก 500 บาท



          เมื่อวานนี้ เป็นวันที่เงินงวดแรกจำนวน 500 บาทเข้าบัญชีผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บรรยากาศตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปอย่างคึกคัก มีชาวบ้านมาเลือกซื้อหาสิ่งของในการดำรงชีพ เช่น ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่างคึกคัก โครงการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นจำนวน 500บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนต.ค.ถึงเดือนธ.ค.2563 เป็นวงเงินรวม 21,000 ล้านบาท



         รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า มาตรการช้อปดีมีคืน จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้เพียงชั่วคราว และมีผลประโยชน์ต่อการจ้างงานค่อนข้างจำกัด โดยผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่อยู่ในระบบภาษี ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) อาจไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเท่าใดนัก ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องพิจารณาออกมาตรการอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดและกระทบต่อวินัยทางการคลังน้อยที่สุด เพราะเวลานี้หนี้สาธารณะเข้าใกล้ร้อยละ 60 ต่อจีดีพี



ศบศ.รับทราบข้อเสนอช่วยธุรกิจเกษตร-อุตสาหกรรม-ท่องเที่ยว รวม 26 มาตรการย่อย



          รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (ศบศ.) ได้รับทราบข้อเสนอมาตรการเศรษฐกิจ ซึ่งเสนอโดยคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และสนับสนุนเศรษฐกิจรายสาขา โดยข้อเสนอนี้ครอบคลุมการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และบริการ รวม 26 มาตรการย่อย ซึ่งแต่ละมาตรการนั้นที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาความเหมาะสม ก่อนเสนอต่อไป



          ข้อเสนอส่วนใหญ่เน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยแยกเป็นรายสาขา คือสาขายานยนต์ เช่น เสนอกระตุ้นตลาดรถยนต์ ด้วยการลดภาษีเงินได้ 100,000 บาท สำหรับการซื้อรถยนต์ใหม่, ส่วนสาขายางพารา เสนอให้ผลักดันการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ในรูปแบบรับเบอร์วัลเลย์ และโซนอุตสาหกรรม สาขาพลาสติก เสนอเร่งยกเลิกการนำเข้าขยะพลาสติก สาขาเหล็ก เสนอให้เร่งเซ็นสัญญางานประมูลภาครัฐ และสกัดการนำเข้าเหล็ก



          ขณะที่ภาคบริการเสนอให้เพิ่มภาษีร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมง, การขยายเพดานการเข้าสู่ระบบแวตของร้านโชห่วยจากรายได้ 1,800,000 บาทต่อปี เป็น 5,000,000 บาทต่อปี, ยกเว้นภาษีการค้าและภาษีแวต เจ้าของร้านโชห่วยที่อายุเกิน 60 ปี, เพิ่มรายได้ของคนเก็บของเก่า โดยเก็บภาษีหน้าโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ขวดแก้ว บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกที่ผลิตลัง กระป๋องอะลูมิเนียมที่บรรจุน้ำอัดลม เบียร์ มาตั้งกองทุนเพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วมีราคาเพิ่มขึ้น, ห้ามนำเข้าขยะหรือจ่ายค่ารักษาสิ่งแวดล้อมกรณีนำเข้าขยะ และอนุญาตให้ขายหรือขนย้ายสุราพื้นบ้านได้อย่างเสรี



          ส่วนภาคเกษตร เสนอให้ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง และช่วยเหลือรายสินค้า ปลดล็อกกัญชาและส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ



          ด้านภาคการท่องเที่ยว เสนอภาครัฐให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบพื้นที่ปิด รวมถึงเพิ่มมาตรการช่วยเหลือธุรกิจนำเที่ยว โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวผู้สูงอายุ เป็นต้น



          มีข้อเสนอมาตรการเศรษฐกิจสำหรับทุกสาขาอีก 6 ด้าน รวม 47 มาตรการย่อย โดยมีมาตรการที่น่าสนใจ เช่น เสนอให้รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้บ้านในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2563 ช่วยปรับโครงสร้างหนี้เอสเอ็มอี เป็นต้น 



 





 



 



 



 



 




 

ข่าวทั้งหมด

X