การตรวจสอบคดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั่งความเสียหาย นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มครบถ้วนแล้ว ซึ่งมีเพิ่มเติมจำนวน 1 ปาก ตามมติของคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช. กับอัยการสูงสูด หรือ อสส. คือนายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (TDRI) ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดขั้นตอนการไต่สวนพยานแล้ว เหลือเพียงรวบรวมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม เชื่อว่า จะเพียงพอสำหรับการแถลงคดีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ในวันที่ 9 มกราคม 2558 และไม่น่าจะมีปัญหาที่ อสส.จะเป็นผู้ส่งฟ้องคดีดังกล่าว
ส่วนกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี กับรัฐบาลจีน ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมต.พาณิชย์กับพวกรวม 6 คนนั้น ขณะนี้ได้มีการไต่สวนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของ ปปช. ให้พิจารณาในต้นปีหน้า โดยจะเร่งชี้มูลความผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 6 คน ซึ่งมีระดับรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนและนิติบุคคลรวม 15 คน ส่วนบริษัทเอกชนที่ยังไม่แก้ข้อกล่าวหาก็จะดำเนินการภายหลังจากที่มีการยื่นเรื่องแก้ข้อกล่าวหาแล้ว นอกจากนั้น ยังพบว่า มีบริษัทเอกชนของประเทศจีนเพิ่มอีก 4 แห่ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบายข้าวที่ไม่ใช่ในลักษณะรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ที่มีข้าวมากกว่า 14 ล้านตัน
รวมถึงการตรวจสอบพบคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน คือการสั่งจ่ายเช็คซื้อขายมันเส้น ซึ่งทาง ป.ป.ช. จะต้องแบ่งคดีออกเป็นคนละสำนวน ซึ่งพยานหลักฐานบางส่วนอยู่ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วย และจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในเร็วๆนี้
สำหรับ คดีการทุจริตที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ป.ป.ช ก็จะเสนอให้เรียกค่าเสียหายทั้งหมด โดยในวันนี้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ปปช. ได้เข้าหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อจะได้พิจารณา ส่วนการดำเนินการเรื่องชดใช้ค่าเสียหาย ก็จะเป็นหน้าที่ของกรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลัง ที่จะพิจารณาว่าบุคคลใดจะต้องเป็นฝ่ายชดใช้ค่าเสียหายรวมถึงจำนวนเงินที่จะต้องชดใช้ด้วย