ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2563

08 ตุลาคม 2563, 13:34น.


กินเจ ปีนี้ไม่คึกคักเงินสะพัด 46,900 ล้าน สูงกว่าปีที่แล้ว 0.9%



         นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ ระหว่างวันที่ 17-25 ต.ค.จากกลุ่มตัวอย่าง 1,393 คน พบว่ากว่าร้อยละ 38.8 จะเข้าร่วมเทศกาลกินเจ เพราะเป็นคนเชื้อสายจีน การใช้จ่ายต่อคนในกลุ่มคนกินเจปีนี้ทั้งกินเจและท่องเที่ยว 11,400 บาท



         ขณะที่ร้อยละกว่า 61 ระบุว่าไม่ได้ร่วมเทศกาลกินเจปีนี้ เพราะไม่ใช่เชื้อสายจีน และตอนนี้ประสบปัญหาหนี้สินจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของไทยตลอด 9 เดือนตกต่ำและกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่มีการชุมนุมทำให้ไม่มีจิตใจที่อยากจะกินเจหรือจับจ่ายใช้สอยมากนัก รวมทั้งกังวลและไม่รู้ว่าจะตกงานตามภาวะเศรษฐกิจซบเซาหรือไม่และอาหารเจมีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้อยู่ที่ 46,967 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เทศกาลกินเจ อยู่ที่ 46,549 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.3 ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 13 ปี



1-6 ต.ค.ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งกว่า 200,000 ร้าน



         นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กระทรวงการคลัง ได้รายงานความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งว่า ตั้งแต่ที่ได้เริ่มให้ร้านค้าลงทะเบียนได้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2563 ข้อมูลวันที่ 6 ต.ค.2563 มีร้านค้าลงทะเบียนทั้งหมดแล้ว 210,010 ร้าน แบ่งเป็นร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 152,795 ร้าน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ



         กิจการที่ลงทะเบียนสำเร็จ แบ่งออกเป็นกิจการที่มีหน้าร้านจำนวน 127,852 ร้าน และหาบเร่ แผงลอย จำนวน 24,943 ร้าน ประเภทของร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 90,052 ร้าน ส่วนร้านธงฟ้ามีจำนวน 41,331ร้าน ร้าน OTOP มีจำนวน 4,991 ร้าน และเป็นร้านค้าทั่วไป จำนวน 16,421 ร้าน



        ร้านค้าส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง คิดเป็นร้อยละ 34.8 รองลงมาอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 25.0 และภาคใต้ ร้อยละ 17.7 โดยในรายจังหวัด พบว่า ร้านค้าที่ลงทะเบียนส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ร้อยละ 12.2 รองลงมาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ร้อยละ 3.4 และจังหวัดสงขลา ร้อยละ 3.1



         ร้านค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอย สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.คนละครึ่ง.com หรือติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา ส่วนประชาชนทั่วไป สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ www.คนละครึ่ง.com เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป และรอรับ SMS ยืนยัน โดยจะเริ่มใช้สิทธิ์ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 และหากไม่ใช้สิทธิ์ภายใน 14 วัน จะถูกตัดสิทธิ์ทันที โดยโครงการคนละครึ่งนี้ รัฐบาลจะช่วยจ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อวันต่อคน รวมไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดโครงการฯ สำหรับประชาชนคนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไปและไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำไปใช้จ่ายซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป โดยไม่รวมถึงสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และบริการต่าง ๆ



คู่ชิงรองปธน.สหรัฐฯ ดีเบต ราบรื่น สู้กันด้วยเรื่องโควิด-19 สงครามการค้า



          การดีเบตระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน กับนางกมลา แฮร์ริส วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในฐานะผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ  3 พ.ย.นางซูซาน เพจ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวตั้งแต่เปิดรายการว่าขอให้คู่ดีเบตมีความสุภาพ การดีเบต จะใช้เวลา 90 นาที โดยไม่มีการหยุดพัก โดยจะมีเวลา 2 นาทีในการตอบคำถาม และไม่ขัดขวางคำกล่าวของอีกฝ่าย มีรายงานว่าการดีเบตของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความราบรื่นมากกว่าคู่ชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ



1.ประเด็นแรกของการดีเบต คือ การจัดการกับโควิด-19



-นางแฮร์ริส กล่าวว่า คนอเมริกันได้เห็นแล้วว่าอะไรคือความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการบริหารประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีการปิดบังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ลดความร้ายแรงของโรคลงและทำให้ประชาชนไม่ได้ตระหนักถึงการป้องกันตนเอง แต่ถ้าหากนายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้ง เขาจะเพิ่มการติดตาม การสัมผัส การทดสอบ การบริหารวัคซีนและทุกคนจะได้รับวัคซีนฟรี  



-จากประเด็นนี้ ทำให้รองประธานาธิบดีเพนช์ โต้กลับว่า นางแฮร์ริส ทำลายความเชื่อมั่นของวัคซีน ส่วนการจัดงานที่ทำเนียบขาวเมื่อ 11 วันที่แล้ว เป็นการจัดงานตามมาตรการทางสาธารณสุข ส่วนการที่จะสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่เป็นเสรีภาพส่วนบุคคล และผู้ที่ติดเชื้อก็คือผู้ร่วมงานส่วนหนึ่งไม่ใช่ทุกคนในงาน



2.ประเด็นสภาพอากาศ



-นางแฮร์ริส ยืนยันว่า พรรคเดโมแครต สนับสนุนให้สหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลงสภาพภูมิอากาศของปารีสอีกครั้งและให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้อยู่ภายใต้ข้อกำหนด



-ขณะที่นายเพนซ์ วิจารณ์นายโจ ไบเดน และนางแฮร์ริส ที่เชื่อมโยงเฮอริเคนและไฟป่าเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า เป็นการสร้างความตื่นตระหนกและหาข้ออ้างในการสนับสนุนข้อตกลงสีเขียว



3.เมื่อผู้ดำเนินรายการถามในประเด็นเกี่ยวกับอายุของผู้สมัคร นั่นคือประธานาธิบดีทรัมป์ อายุ 74 ปี ขณะที่นายไบเดนจะมี อายุ 78 ปี ในวันรับตำแหน่ง 1 มกราคม ปีหน้า ปรากฏว่าคู่ดีเบตต่างหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้



-นางแฮร์ริส กล่าวถึงประวัติการทำงานของเธอ และกล่าวว่า นายไบเดน มีความซื่อสัตย์ โปร่งใส แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ปกปิดทุกอย่าง และหากต้องการพูดคุยเกี่ยวกับความโปร่งใสในการทำงาน ก็ควรพูดเกี่ยวกับภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์



-ส่วนนายเพนซ์ ไม่ตอบคำถามนี้



4.ประเด็นการทำสงครามการค้ากับจีน



-นางแฮร์ริส กล่าวว่า นายเพนซ์ เคยกล่าวไว้ว่าเป็นความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงคือสหรัฐฯพ่ายแพ้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการที่ชาวอเมริกันต้องตกงาน 300,000 คน เกษตรกรจำนวนมากต้องล้มละลายเพราะขายผลผลิตได้น้อยลง



-นายเพนซ์ ตอบโต้ว่า นายไบเดน ไม่เคยต้องต่อสู้กับสงครามการค้า เพราะเป็นผู้สนับสนุนจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา



5.ประเด็นการแต่งตั้งตุลาการศาลฎีกา วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ที่ครองเสียงข้างมาก พยายามผลักดันให้มีการลงมติรับรองผู้พิพากษาเอมี่ โคนีย์ บาร์เร็ตต์ ให้เสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ แต่วุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วย นางแฮร์ริส ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของนายเพนซ์ที่ว่าฝ่ายบริหารของนายไบเดน จะพยายามเพิ่มที่นั่งในศาลฎีกาหรือไม่ หากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ เสนอชื่อผู้พิพากษาบาร์เร็ตต์  โดยกล่าวว่า ชาวอเมริกันควรเป็นผู้ตัดสินใจ ทำให้นายเพนซ์ตอบโต้ว่า นางแฮร์ริสตอบไม่ตรงคำถาม



อดีตตร.ใช้เข่ากดคอ ‘จอร์จ ฟลอยด์’ ได้ประกันตัววงเงิน 1ล้านเหรียญฯ



         นายเดเรก ชอวิน อายุ 44 ปีอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ ที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่ไม่มีอาวุธได้รับการประกันตัวออกจากเรือนจำแล้วด้วยเงินประกัน 1,000,000 เหรียญสหรัฐฯ (31,200,611 บาท) นายชอวิน เป็นบุคลที่ปรากฏอยู่ในภาพที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ ว่าเป็นผู้ที่ใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่เมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ซึ่งนำไปสู่การชุมนุมประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อผู้ต้องสงสัย



          นายชอวิน ถูกไล่ออกจากงานและอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาคดีในเดือนมีนาคมปีหน้าในข้อหาฆาตกรรม ถูกคุมขังในเรือนจำที่มีความปลอดภัยสูงสุดในรัฐมินนิโซตาตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม การได้รับการประกันตัว มีเงื่อนไขว่า นายชอวิน ห้ามติดต่อกับครอบครัวของนายฟลอยด์ ยอมมอบอาวุธปืนและไม่ทำงานด้านการบังคับใช้กฎหมายหรือความปลอดภัยในขณะที่รอการพิจารณาคดี



         ส่วนอีก 3 คนคือ นายโธมัส เลน นายเจ.เอ. เกิง และนายโทว เถา ถูกไล่ออกและถูกดำเนินคดีฐานสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือในการฆาตกรรมและได้รับการประกันตัวออกจากเรือนจำแล้วเช่นกัน



 

ข่าวทั้งหมด

X