ในการดีเบตระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯกับนางกมลา แฮร์ริส วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัวแทนพรรคเดโมแครตในฐานะผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ นางซูซาน เพจ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวตั้งแต่เปิดรายการว่าขอให้คู่ดีเบตมีความสุภาพ การดีเบตจะใช้เวลา 90 นาทีโดยไม่มีการหยุดพัก โดยจะมีเวลา 2 นาทีในการตอบคำถาม และไม่ขัดขวางคำกล่าวของอีกฝ่าย
โดยประเด็นแรกของการดีเบตในครั้งนี้คือการจัดการกับโควิด-19 นางแฮร์ริส กล่าวว่า คนอเมริกันได้เห็นแล้วว่าอะไรคือความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ มีการปิดบังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 เป็นการลดความร้ายแรงลงและทำให้ประชาชนไม่ได้ตระหนักถึงการป้องกันตนเอง และกล่าวว่า หากนายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตได้ชนะการเลือกตั้ง เขาจะเพิ่มการติดตาม การสัมผัส การทดสอบ การบริหารวัคซีนและทุกคนจะได้รับวัคซีนฟรี ซึ่งเธอกล่าวด้วยว่า หากในช่วงก่อนวันเลือกตั้งมีการรับรองวัคซีนต้านโควิด-19 ออกมา และประธานาธิบดีทรัมป์พูดแนะนำให้ไปรับวัคซีน เธอจะไม่รับวัคซีนนั้น แต่หากนายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติว่าด้วยโรคติดเชื้อและภูมิแพ้แนะนำเธอจะรับวัคซีน
ซึ่งนายเพนซ์ กล่าวว่าการที่นางแฮร์ริส ทำลายความเชื่อมั่นต่อวัคซีนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้เขายังปกป้องการตัดสินใจของฝ่ายบริหารในการจัดงานที่ทำเนียบขาวเมื่อ 11 วันซึ่งไม่มีการใช้มาตรการรักษาระยะห่าง และผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากาก ซึ่งต่อมามีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 10 รวมถึงนางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมีผลทดสอบเป็นบวก ซึ่งเพนซ์ชี้แจงว่า การจัดงานในสวนเป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข และการที่จะสวมหน้ากากหรือไม่เป็นเสรีภาพส่วนบุคคล และผู้ที่ติดเชื้อก็คือผู้ร่วมงานส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทุกคนในงาน ทั้งเรียกร้องให้นางแฮร์ริสหยุดเล่นการเมืองบนชีวิตของผู้อื่น
โดยในประเด็นสภาพอากาศ ซึ่งคู่ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตต่างสนับสนุนให้สหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลงสภาพภูมิอากาศของปารีสอีกครั้ง และให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้อยู่ภายใต้ข้อกำหนด ซึ่งนางแฮร์ริส กล่าวว่า นายไบเดน สนับสนุนข้อตกลงสีเขียว และการปฏิวัติพลังงานสะอาดในการเผชิญความท้าทายด้านสภาพอากาศ
ขณะที่นายเพนซ์ ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิเสธวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศมาเป็นเวลานาน ทั้งยังเห็นว่าภาวะโลกร้อนเป็น "นิทาน" และวิจารณ์นายไบเดนและนางแฮร์ริส ที่เชื่อมโยงเฮอริเคนและไฟป่าเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าเพื่อสร้างความตื่นตระหนกและหาข้ออ้างข้อตกลงสีเขียว ซึ่งนายเพนซ์ กล่าวว่า สถิติการเกิดเฮอริเคนในปัจจุบันมีมากกว่าเมื่อ 100 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ดำเนินรายการถามในประเด็นเกี่ยวกับอายุของผู้สมัคร นั่นคือ ประธานาธิบดีทรัมป์อายุ 74 ปี ขณะที่นายไบเดนจะมีอายุ 78 ปี ในวันรับตำแหน่ง 1 มกราคม ปีหน้า ปรากฏว่าคู่ดีเบตต่างหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ โดยนางแฮร์ริสกล่าวถึงประวัติการทำงานของเธอ และกล่าวว่า นายไบเดน มีความซื่อสัตย์ โปร่งใส แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ปกปิดทุกอย่างและหากต้องการพูดคุยเกี่ยวกับความโปร่งใสในการทำงาน ก็ควรพูดเกี่ยวกับภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนนายเพนซ์ ไม่ตอบคำถามนี้
ส่วนในประเด็นการทำสงครามการค้ากับจีน นางแฮร์ริส กล่าวว่า นายเพนซ์ เคยกล่าวไว้ว่าเป็นความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงคือสหรัฐฯพ่ายแพ้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการที่ชาวอเมริกันต้องตกงาน 300,000 คน เกษตรกรจำนวนมากต้องล้มละลายเพราะขายผลผลิตได้น้อยลง
นายเพนซ์ ตอบโต้ว่า นายไบเดน ไม่เคยต้องต่อสู้กับสงครามการค้า เพราะเป็นผู้สนับสนุนจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
และในประเด็นการแต่งตั้งตุลาการศาลฎีกา ซึ่งวุฒิสมาชิกรีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากพยายามผลักดันให้มีการลงมติรับรองผู้พิพากษาเอมี่ โคนีย์ บาร์เร็ตต์ ให้เสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ แต่วุฒิสมาชิกของเดโมแครตไม่เห็นด้วย โดยนางแฮร์ริสปฏิเสธที่จะตอบคำถามของนายเพนซ์ที่ว่าฝ่ายบริหารของนายไบเดนจะพยายามเพิ่มที่นั่งในศาลฎีกาหรือไม่หากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ เสนอชื่อผู้พิพากษาบาร์เร็ตต์ โดยกล่าวว่า ชาวอเมริกันควรเป็นผู้ตัดสินใจ ทำให้นายเพนซ์ตอบโต้ว่า นางแฮร์ริสตอบไม่ตรงคำถาม
....