ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2563

08 ตุลาคม 2563, 07:26น.


ลมเย็นมาแล้ว! ผู้ว่าฯ กทม.คาดกรุงเทพฯ ฝนตกเกิน 100 มม.



         วันนี้ สภาพอากาศเริ่มมีลมเย็นๆ พัดเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ จากอิทธิพลพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้และทางด้านตะวันออกของประเทศกัมพูชา กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศกัมพูชา ภาคตะวันออกของประเทศไทยเข้าสู่บริเวณอ่าวไทยตอนบนในวันนี้ ทำให้สองวันนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรงเกิดขึ้นได้



         การเตรียมพร้อมรับมือฝนตกในกรุงเทพฯ เช้านี้ พล.ต.อ.​อัศวิน​ ขวัญเมือง​ ผู้ราชการกรุงเทพ​มหานคร(กทม.) ลงพื้นที่​อุโมงค์และประตูระบายน้ำพระราม 9​ ตรวจดูขยะหน้าตะเเกรง​ พล.ต.อ.อัศวิน คาดการณ์ว่ากรุงเทพฯ จะโดนพายุฝนเต็มๆ​ หากโชคดี​ปริมาณฝนจะไม่เกิน 100 มิลลิเมตร​ แต่เชื่อว่า ปริมาณฝนที่คาดการณ์ไว้จะเกิน​ 100 มิลลิเมตร​ เตรียมพร่องน้ำในคลองระบายน้ำ​ มี Water Bank หรือ​บ่อหน่วงน้ำรับมือ​ 3 จุด​ รวมถึงระบบการระบายน้ำ​ ถนนสายหลัก ​Pipe Jacking ระบายน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชน​ และ​ผิวจราจร​ ระบายลงสู่คลอง​



        เมื่อเดือน ส.ค. กทม.มีฝนมากกว่า 150 มิลลิเมตร​ ใช้เวลาระบายน้ำบางจุดช้าสุด 3 ชั่วโมง​ ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว​ ฝนตกวัดปริมาณน้ำฝนได้ 100 กว่ามิลลิเมตร​ มีจุดที่ระบายได้ช้า​ คือ​ สุขุมวิท71 และพื้นที่แอ่งกระทะ ศรีนครินทร์ เชื่อมต่อเทศบาลสำโรงใต้ สมุทรปราการ ขณะเดียวกัน สำนักการระบายน้ำ​ ระบุว่า​ จากการหารือร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา​ คาดการณ์ว่า​ หลังดีเปรสชั่น​เคลื่อนผ่าน​จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลัง​เเรงก่อตัวเป็นพายุอีก 1 ลูก​ ช่วง 12-14​ ต.ค. อาจจะเคลื่อนเข้ามา​ ซึ่งต้องรอดูมวลอากาศเย็นที่จะลงมา​ อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลง




อีก 2 สัปดาห์ กรมควบคุมโรค เสนอ ศบค.ลดการกักตัวใน SQ แต่จะเพิ่มการตรวจ –เจาะเลือด   



          การทำแผนลดการกักตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างการทำแผนลดการกักตัวใน State Quarantine คาดว่าจะเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พิจารณาได้ภายใน 2 สัปดาห์ เน้นเรื่องความปลอดภัย ค่อยๆลดหลั่นจาก14 วัน เหลือ 10 วัน และเหลือ 7 วัน ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศที่เข้ามาไทย เช่น จีน เข้ามาประเทศอัตราของการติดเชื้อถือว่าเสี่ยงต่ำ ตรงนี้อาจไม่มีการผ่อนปรนไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน ส่วนประเทศที่มีการระบาดหนักอาจยังต้องกักตัว 14 วัน เหมือนเดิม เบื้องต้น จะเสนอลดการกักตัวก่อน 10 วัน จากนั้นพิจารณาใช้มาตรการดังกล่าวไปอีก 1 เดือน และมาทบทวนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรต่อไป หากปลอดภัยก็ค่อยๆลดอีก



         นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การลดการกักตัว ทั่วโลกทำกันเกือบหมดแล้วเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การพิจารณานี้ดูจากหลักฐานทางวิชาการ ความปลอดภัย ในระยะเวลาที่เหมาะสมในแต่ละประเทศ และอาจเพิ่มรอบการตรวจให้ถี่ขึ้นเพื่อความมั่นใจ และอาจเพิ่มการเจาะเลือดตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย



‘หมอธีระ’ ยืนยัน การกักตัว 14 วันสำคัญที่สุด เพราะมีโอกาสเชื้อหลุด




        รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Thira Woratanara ระบุว่า ธรรมชาติของการติดเชื้อโควิด-19 แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะติดแล้วใช้เวลาฟักตัวเท่ากันราว 4-5 วันเสมอไป แต่ตัวเลข 4-5 วันนี้คือค่ามัธยฐาน แปลว่า ร้อยละ 50 จะใช้เวลาประมาณนี้ แต่ที่เหลือจะมากกว่านี้ ดังนั้นการนำเข้าระบบกักตัว 14 วันจึงสำคัญที่สุด เพราะการแยงจมูกตรวจหาสารพันธุกรรมสองครั้งระหว่าง 14 วัน ก็ยังมีโอกาสหลุดได้ราวร้อยละ 5 หากเริ่มรับเชื้อมา ณ วันที่ 0 และมีระยะฟักตัวตามค่ามัธยฐาน แต่หากมีระยะฟักตัวนานกว่านั้น ก็อาจมีโอกาสที่จะหลุดจากการตรวจมากขึ้น ขึ้นอยู่กับปริมาณไวรัส และลักษณะผู้ป่วยว่าเป็นประเภทไม่มีอาการ อาการน้อย หรืออาการรุนแรง ซึ่งอาจทำให้หลุดจากการตรวจไปในครั้งแรก เหลือเพียงครั้งที่สอง จนอาจทำให้โอกาสเกิดผลลบปลอมมากขึ้นไปถึงร้อยละ 13 ได้ นอกจากนี้จากข้อมูลที่เราเห็นกันมา จำนวนคนไม่น้อยที่มาในระบบกักตัว 14 วัน แล้วตรวจพบในช่วงวันที่ 12-13 เหล่านี้คือสิ่งที่ตอกย้ำว่า อะไรควร อะไรไม่ควรทำ



CR: Thira Woratanara





นายกฯ-ผบ.ตร. สั่งสอบด่วน ‘อมเบี้ยเลี้ยงตำรวจ’ ชุดปฏิบัติงานสกัดโควิด-19 



         กรณีมีข่าวว่าเกิดการอมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปฏิบัติการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้



         ด้านพล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) สั่งการให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตจริงจะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งทางวินัยและอาญา เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบขวัญกำลังใจตำรวจชั้นผู้น้อย แต่ถ้าเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยเร่งชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจาก ขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการโอนเงินเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวให้แต่ละหน่วยงานจัดสรรให้ผู้ปฏิบัติงานแล้ว ขณะที่ พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ออกหนังสือแจ้งให้ทุกหน่วยตรวจสอบพร้อมให้รายงานผลภายใน 10 วัน



‘ทรัมป์’ ไม่มีอาการโควิด-19 เป็นเวลา 24 ชั่วโมง



         นพ.ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯไม่มีอาการโควิด -19 มานานกว่า 24 ชั่วโมงและไม่มีไข้มานานกว่า 4 วันแล้ว ทั้งไม่ต้องการออกซิเจนเสริมใด ๆ นับตั้งแต่ไปโรงพยาบาลเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ต.ค. ทำให้เขาออกจากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด กลับมาที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ 5 ต.ค.ในรายงานของแพทย์ ระบุว่า ผลการตรวจร่างกายและสัญญาณชีพต่างๆ ของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นปกติ และตรวจพบแอนติบอดี (SARS-CoV-2-IgG) แต่แพทย์จะมีการตรวจสุขภาพของประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างต่อเนื่อง และจะแจ้งให้ทราบเมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม



         อย่างไรก็ตาม คำยืนยันเกี่ยวกับสุขภาพของประธานาธิบดีทรัมป์ มีขึ้นก่อนที่จะมีการดีเบตระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน กับนางกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นการดีเบตที่ถูกจับตามองมากกว่าการดีเบตของคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีทุกคู่ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งสหรัฐฯ เนื่องจาก การดีเบตนัดแรกระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ จากรีพับลิกันกับนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตถูกวิจารณ์ว่าเป็นการดีเบตที่ชาวอเมริกันไม่ได้ประโยชน์เพราะผู้สมัครแทบจะไม่ได้พูดถึงนโยบายการทำงานเลย



 

ข่าวทั้งหมด

X