ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2563

08 ตุลาคม 2563, 06:30น.


 ญี่ปุ่น พบผู้ติดเชื้อ 2 คน เดินทางมาจากไทย



          กำลังตรวจสอบข้อมูล หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขของประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า พบชาวญี่ปุ่น 2 คน ที่เดินทางกลับจากไทยและไปตรวจพบเชื้อโควิด-19 ที่สนามบิน คนแรกเป็นชาย อายุประมาณ 60 ปี อาศัยที่จังหวัดคานากาวะ ตรวจพบที่สนามบินฮาเนดะ ไม่แสดงอาการ และอีกคนเป็นหญิง อายุประมาณ 30 ปี อาศัยที่จังหวัดโออิตะ ตรวจพบที่สนามบินนาริตะ ไม่แสดงอาการเช่นกัน  ตามปกติหากมีการรายงานเช่นนี้ประเทศไทยกับญี่ปุ่นมีการประสานกันเกี่ยวกับรายละเอียดและข้อมูล



ฮ่องกง พบหญิงไทยวัย 26 ปี ติดโควิด-19ที่จิมซาจุ่ย 



          หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์  รายงานว่า พบผู้ป่วยโควิด-19 หญิงไทยวัย 26 ปี ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มติดเชื้อโควิด-19 ในย่านช็อปปิ้งและแหล่งท่องราตรีจิมซาจุ่ย ของฮ่องกง อยู่ระหว่างการรักษาตัว เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรายละเอียดของการเดินทางเข้าเมืองและการทำงาน รวมถึงตรวจสอบคนใกล้ชิดเพื่อติดตามเรื่องการควบคุมโรค หญิงคนดังกล่าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในฮ่องกงจนถึงวันที่ 30 ก.ย.หรือ 1 วันก่อนที่เธอจะได้รับการยืนยันการติดเชื้อและเข้ารับการรักษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



         หญิงไทยผู้ติดเชื้อให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง ยืนยันว่า เดินทางไปที่บาร์ไชน่า ซีเครท เพื่อสังสรรค์เท่านั้น เนื่องจากรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ฮ่องกง สันนิษฐานว่า ผู้ป่วยหญิงคนนี้เป็น 1 ในหญิงไทยทั้งหมดราว10 คนที่ทำงานผิดกฎหมายฮ่องกง



         ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญ เตือนว่า ช่วงปลายปีนี้ ฮ่องกงต้องเฝ้าระวังให้ดี เนื่องจากมีโอกาสเกิดการระบาดระลอกสี่ เพราะยังมีการติดเชื้อในชุมชนแบบหาที่มาไม่ได้ ผู้คนมีกิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น และมีการจับคู่ท่องเที่ยวหรือแทรเวลบับเบิลแล้ว นอกจากนี้ เตือนว่า โรงเรียนมีความเสี่ยงติดเชื้อสูงไม่ต่างจากบ้านพักคนชรา หอพัก และที่พักตามไซต์ก่อสร้าง เพราะคนมาอยู่หนาแน่น ใกล้ชิดกันในที่ปิดเป็นเวลานาน แม้สวมหน้ากากอนามัยก็เสี่ยงติดเชื้อได้ นักเรียนที่ติดเชื้อ ไม่แสดงอาการจะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อขนาดใหญ่อย่างเงียบ ๆ แต่แพร่ได้กว้างและไกลโดยที่ตัวเองไม่ป่วย ทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะผู้สูงอายุติดเชื้อได้



ดับความฝันของทรัมป์ ! เอฟดีเอ ออกกฎการอนุมัติวัคซีนต้องปลอดภัย

         หลังจากที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ออกเอกสารแนวทางปฏิบัติแจ้งให้ผู้พัฒนาวัคซีน ต้องกำหนดวิธีปฏิบัติต่างๆ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น และต้องการได้รับข้อมูลยืนยันว่ามีความปลอดภัยด้วยก่อนที่จะอนุมัติให้ใช้วัคซีนแบบฉุกเฉิน ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความไม่พอใจ โดยได้โพสต์ข้อมูลในทวิตเตอร์ว่า กฎระเบียบใหม่ของเอฟดีเอ ทำให้การเร่งรัดการอนุมัติให้ใช้วัคซีนก่อนวันเลือกตั้งสหรัฐฯ 3 พ.ย.มีความลำบากมากขึ้นและเป็นเรื่องที่ทำลายทางการเมืองอีกเรื่อง



         ทำเนียบขาว สามารถอนุมัติการใช้วัคซีนได้โดยไม่ต้องรอข้อมูลด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม แต่หากทำเช่นนั้นก็คือการแสดงความไม่เห็นด้วยกับเอฟดีเอ รวมทั้งยังทำให้เกิดความเข้าใจที่ว่าการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการผลักดันให้มีวัคซีนออกมาโดยเร็ว



        การเผยแพร่วิธีปฎิบัติดังกล่าวของเอฟดีเอ ไม่น่าจะทำให้มีการอนุมัติวัคซีนใดๆ ก่อนช่วงปลายเดือนพ.ย. เนื่องจากตามเอกสารฉบับนี้ บริษัทผู้ขออนุมัติต้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับอาสาสมัครที่เข้าทดสอบจำนวนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งให้ได้รับทราบด้วย และติดตามอาการหลังจากนั้นอีก 2 เดือน



หุ้นดาวโจนส์ บวกกว่า 500 จุด ขานรับ ‘ทรัมป์’ เปลี่ยนใจหนุนออกกฎหมายฟื้นศก.



         นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมามีความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ อย่างน้อยๆก็ในลักษณะเป็นข้อตกลงบางส่วนหลังประธานาธิบดีทรัมป์ เปลี่ยนใจกลับมาผลักดันร่างกฎหมายหลายฉบับ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อวันพุธพุ่งทะยาน โดยดาวโจนส์ บวกกว่า 530 จุด



-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 530.70 จุด หรือร้อยละ 1.91 ปิดที่ 28,303.46 จุด



-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 58.50 จุด หรือร้อยละ 1.74 ปิดที่ 3,419.45 จุด



-แนสแดค เพิ่มขึ้น 210.00 จุด หรือร้อยละ 1.88 ปิดที่ 11,364.60 จุด

         ท่าทีใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายฉบับรวมถึงแพ็คเกจปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้หุ้นกลุ่มสายการบินเพิ่มขึ้น รวมถึงยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ที่ปิดบวกถึงร้อยละ 4.3



          ราคาทองคำ ปิดลบแรง ทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 18 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,890.80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์



          สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 72 เซนต์ ปิดที่ 39.95 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 66 เซนต์ ปิดที่ 41.99 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ค.เพิ่มขึ้น 501,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ราวๆเท่าตัว



มหาวิทยาลัยยูทาห์ พอใจการเป็นเจ้าภาพจัดงานดีเบตคู่ชิงรองปธน.สหรัฐฯ



         เช้านี้ตามเวลาในประเทศไทย 8.00-09.30 น. ติดตามศึกประชันวิสัยทัศน์รอบแรกและรอบเดียว ระหว่างรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ จากพรรครีพับลิกัน และ ส.ว.กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ที่เมืองซอลต์เลกซิตี้ รัฐยูทาห์ ทางตะวันตกของสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยยูทาห์ สถานที่จัดการโต้วาทีหรือดีเบตคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เป็นความภาคภูมิใจของทุกคนที่มีส่วนร่วมกับมหาวิทยาลัยและหวังว่าจะเป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งรัฐยูทาห์ มหาวิทยาลัยและคณะกรรมการดีเบตยูทาห์ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานนี้  5-6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 156-187 ล้านบาท เดิมตั้งใจว่าจะจัดให้เป็นงานใหญ่ เชิญสื่อมวลชนมากถึง 2,000 คน แต่โรคโควิด-19 ทำให้เชิญสื่อจากต่างเมืองเพียง 200 คนเท่านั้น แม้เผชิญอุปสรรคในการจัดงาน แต่ก็คุ้มค่ากับความทุ่มเทและค่าใช้จ่าย เพราะกระตุ้นให้นักศึกษาตื่นเต้นและมีส่วนร่วมในการจัดงาน



 

ข่าวทั้งหมด

X