ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563

กรมอุตุฯ บอกประชาชนอย่าตื่นตระหนก พายุลูกนี้ ยังไม่รุนแรง

          น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ย้ำว่า ผลกระทบจากพายุดีเปรสชันที่จะเข้าไทยในวันนี้ ถึงวันที่ 9 ตุลาคมนี้ ความรุนแรงของพายุลูกนี้ไม่ได้น่ากลัวหรือรุนแรงมาก ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่การเตรียมพร้อมรับมือไว้ก่อนถือว่าดีที่สุด  สำหรับแนวโน้มของพายุยังไม่มีโอกาสพัฒนาเป็นพายุโซนร้อน เมื่อขึ้นฝั่งที่ไทย อาจค่อยๆ ลดกำลังลง แต่ประชาชนต้องพร้อมรับมือ ซึ่งช่วงดึกของคืนนี้ (7ต.ค.) ฝนอาจตกหนักเกือบทุกภาค โดยเฉพาะอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก กลางใต้ และกรุงเทพมหานคร โอกาสที่จะเจอฝนตกหนักสุดคือภาคใต้ตอนบน อาทิ จ.พังงา ภูเก็ต สตูล ตรัง และภาคตะวันตก แถบ จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์ นอกเหนือ จากฝนจะเป็นคลื่นลมทะเลแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งเพื่อความปลอดภัย

          ส่วนกรุงเทพมหานคร มีโอกาสเจอน้ำท่วมในพื้นที่เคยท่วมซ้ำๆ เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง ตลอด 3 วัน จุดเสี่ยง คือด้านตะวันออกของ กทม.เช่น ลาดกระบัง มีนบุรี ลักษณะของพายุจะเป็นแบบไปไว ผลกระทบจะอยู่แค่ช่วง 7-9 ต.ค.เท่านั้น และบางพื้นที่อาจไม่เจอแดดตลอด 3 วัน

          รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ขณะนี้มีทั้งข่าวจริงข่าวปลอม อยากให้ประชาชนติดตามฟังข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาทุกช่องทาง หรือโทรเข้ามาสอบถามสภาพอากาศได้ตลอด 24 ชั่วโมง สายด่วน 1182 

ราชกิจจาฯเผยแพร่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.63

          ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2564 แล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป โดย มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

          โดยงบประมาณรายจ่ายประจำ 3,285,962,479,700 บาท ยังแบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ 250,742,339,400 บาท อาทิ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้, แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, แผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ, แผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ, แผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย และ แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เป็นต้น

เสนอ ศบค.ลดวันกักตัวโควิด-19 เหลือ 10 วัน

          สถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.)เปิดเผย แบบจำลองหรือฉากทัศน์สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยรอบถัดไปว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกไม่มีการปิดประเทศกันอีกต่อไป จากนี้กระทรวงสาธารณสุข จะพิจารณาสมดุลความเหมาะสมทั้งการดำเนินชีวิตปลอดโรค และสอดคล้องให้ภาวะเศรษฐกิจขับเคลื่อน โดยขณะนี้ให้กรมควบคุมโรค ทำแผนลดการกักตัวใน State Quarantine เสนอ ศบค.พิจารณา โดยจะพิจารณาถึงความปลอดภัยค่อยๆลดหลั่น จาก14 วัน เหลือ 10 วัน และเหลือ 7 วัน ให้เหมาะสมกับในแต่ละประเทศที่เข้ามาไทย เพราะอย่างจีน เข้ามาประเทศอัตราของการติดเชื้อถือว่าเสี่ยงต่ำ ตรงนี้อาจไม่มีการผ่อนปรนไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน

          ส่วนประเทศที่มีการระบาดหนัก อาจยังต้องกักตัว 14 วัน เหมือนเดิม ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ศบค. พิจารณาได้ภายใน 2 สัปดาห์ เบื้องต้น จะเสนอลดการกักตัวก่อน 10 วัน จากนั้นพิจารณาใช้มาตรการดังกล่าวไปอีก 1 เดือน และมาทบทวนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรต่อไป หากปลอดภัยก็ค่อยๆลดอีก

          นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การลดการกักตัว ทั่วโลกทำกันเกือบหมดแล้วเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การพิจารณานี้ดูจากหลักฐานวิชาการ ความปลอดภัย ในระยะเวลาที่เหมาะสมในแต่ละประเทศ และอาจเพิ่มรอบการตรวจให้ถี่ขึ้นเพื่อความมั่นใจ และอาจเพิ่มการเจาะเลือดตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย

          นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การพิจารณาการลดการกักตัว ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะจุดขายของประเทศไทย คือความปลอดภัย ขณะนี้ที่คนส่วนใหญ่อยากมาไทย ก็เพราะว่าไทยปลอดภัยกว่าประเทศอื่น ดังนั้นทุกอย่างจุดขายหรือการพิจารณานักท่องเที่ยวเข้าไทย จะเปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องของปริมาณนักท่องเที่ยวอีก แต่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่อาจปริมาณไม่มาก แต่มีคุณภาพ ส่วนเรื่องที่ข้อมูลของซีดีซี ออกมาแพร่ว่า มีการติดเชื้อโควิดทางอากาศบางพื้นที่นั้น ไม่ใช่ข้อมูลชุดใหม่ ไม่ต้องกังวล ย้ำการควบคุมโรค ยังไม่ต่างจากเดิม เชื่อไม่ได้รุนแรงขึ้น หรือเบาลง ใช้วิธีป้องกันที่ดีที่สุด ยังเป็นการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และมีระยะห่างทางสังคม

ชะลอเปิดรับนักท่องเที่ยว หลัง 25 ต.ค.

          พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เปิดเผยว่า เรื่องการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยลอตแรกนั้นจะเลื่อนไปเป็นหลังวันที่ 25 ต.ค. 2563 โดยจะยังคงมาตรการเดิมที่ได้มีการหารือในวง ศบค.ไปแล้ว เนื่องจากได้รับการประสานจากพื้นที่ภูเก็ตว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลกินเจ 17 -25 ต.ค.นั้น จะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวยังพื้นที่ จ.ภูเก็ต จำนวนมาก จึงอยากให้ชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างประเทศไปก่อน เนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยมีความกังวลเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางไปยังพื้นที่

          สถานการณ์การลักลอบเข้าประเทศตามชายแดน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้มีการลักลอบเข้าไทยบ้างแต่สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ทั้งหมด ซึ่งสถานการณ์การติดเชื้อภายประเทศเมียนมาแม้จะลดลง แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง จึงมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เราไม่ได้ประมาท ยังคงดำรงความเข้มข้น ในการตรวจโรค เราได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการแพร่ระบาดในระลอกที่ 2 แต่ค่อนข้างมั่นใจ ว่าไม่เกิดการแพร่ระบาดในระลอก 2 เชื่อว่า อย่างมากก็อาจมีการติดเชื้อบ้างเท่านั้น

          นอกจากนั้น สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเสนอแนวทางการกำหนดมาตรการเพื่อเปิดรับนักธุรกิจ หรือ นักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยในระยะสั้น ให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในวันศุกร์นี้ เช่นเดียวกับ ศบศ.จะพิจารณาหามาตรการดึงดูดนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ หรือนักวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และจะมีมาตรการส่งเสริมการสร้างรายได้ออกมาเพิ่มเติมอีก

          ในวันนี้ ศบศ.ยังรับทราบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แจ้งความประสงค์เดินทางเข้าประเทศไทยภายใต้ STV จากภูมิภาคต่าง ๆ รวม 1,615 คน แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก 924 คน ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ 229 คน ภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง 462 คน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวที่สอบถามเข้ามาเพิ่มเติม เบื้องต้นจากภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง 500 คน และจากภูมิภาคอเมริกา 69 คน

          ปัจจุบันมี 5 จังหวัดที่สามารถรองรับการกักตัวได้ แบ่งเป็น โรงแรมในกรุงเทพมหานครที่ผ่านการตรวจประเมิน Alternative State Quarantine (ASQ) 84 แห่ง และโรงแรมในชลบุรี บุรีรัมย์ ภูเก็ต และปราจีนบุรีที่ผ่านการตรวจประเมิน Alternative Local Quarantine (ALQ) 11 แห่ง

ศบค.ทบ.เข้ม หลังทหารช่างไทยกลับจากซูดานใต้ติดเชื้อโควิด-19  รวม  31 นาย

          กรณีทหารไทยเดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในสาธารณรัฐเซาท์ซูดานผลัดที่ 1 ตรวจพบเชื้อโควิด -19 จำนวนมาก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากตัวเลขที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 กองทัพบก (ศบค.ทบ.) พบว่าทหารช่างที่กลับมาชุดแรก 180 นายตรวจพบเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดรวม 31 นาย โดยที่ตรวจพบล่าสุด 6 นาย เข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 149 นายที่อยู่ใน State Quarantine เข้ากักตัวครบกำหนด และไม่พบการติดเชื้อ จะเดินทางกลับบ้านในวันนี้           

          โดย ศบค.ทบ.ได้เน้นย้ำมาตรการเพิ่มเติม ให้หน่วยต้นสังกัดจัดพื้นที่เฝ้าระวังให้กำลังพลส่วนนี้ต่ออีก 14 วัน ส่วนกำลังพลชุดที่2 จะเดินทางกลับมาวันที่ 11 ต.ค.อีก 76 นาย เพื่อให้กำลังพลผลัดที่ 2 ไปทำงานต่อก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้เช่นกัน แต่จากการตรวจที่ต้นทางยังไม่พบการติดเชื้อแต่อย่างใด

ช้อปดีมีคืน ดึงหุ้นไทยปิดตลาดบวก 13 จุด

          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ (7 ต.ค.) ที่ระดับ 1,263.71 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,312.58 ล้านบาท ปัจจัยบวกจากมติ ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ทำให้มีการลงทุนหนุนช่วงท้ายตลาดให้มีความคึกคักมาก เนื่องจากเป็นการดึงกำลังซื้อจากกลุ่มคนชั้นกลาง-บน

          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลง 10.91 ที่ระดับ 23,422.82 จุด

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครตไปจนถึงหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 24,242.86 จุด เพิ่มขึ้น 262.21 จุด

ทรัมป์กลับลำ พร้อมลงนามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

          ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความอีกครั้งในวันนี้ ระบุว่า เขาจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายฉบับ เพื่อเยียวยาผลกระทบของประชาชนและบางภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระงับการเจรจากับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้ง ประธานาธิบดี ในวันที่ 3 พ.ย.

          ผู้นำสหรัฐฯเรียกร้องให้สภาคองเกรสให้การอนุมัติมาตรการต่างๆที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น มิฉะนั้นส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

2นักวิจัยการปรับแต่งพันธุกรรมคว้ารางวัลโนเบลสาขาเคมีประจำปี 2563

          นายโกแรน แฮนส์สัน เลขาธิการใหญ่ราชบัณฑิตยสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน แถลงว่าสองนักวิทยาศาสตร์ที่คว้ารางวัลโนเบลสาขาเคมีประจำปี 2563 คือ ศ.เอ็มมานูเอล ชาร์เพนเทียร์ นักจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศสและ ศ.เจนนิเฟอร์ โดด์นา นักชีวเคมีชาวอเมริกัน จากผลงานคือการพัฒนาเทคโนโลยีการปรับแต่งพันธุกรรมหรือ DNA

          ผลงานวิจัยของพวกเขาทำให้มีการผลิตเครื่องมือที่เรียกว่า Crispr-Cas9 เพื่อใช้ในการปรับแต่งแก้ไข DNA ในเซลล์สิ่งมีชีวิต ทั้งสัตว์ พืชและจุลินทรีย์ อีกทั้งเป็นการปฏิวัติการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กระดับโมเลกุล ทำให้มีการพัฒนาพืชสายพันธุ์ใหม่ๆต่อไป อีกทั้งจะนำไปสู่การบำบัดรักษาโรคมะเร็ง และอาจเป็นความหวังของวงการแพทย์ในการรักษาโรคที่สืบทอดทางพันธุกรรมในอนาคต นับเป็นครั้งแรกที่สตรีคว้ารางวัลนี้ร่วมกัน และเป็นสตรีคนที่ 6 และคนที่ 7 ที่คว้ารางวัลนี้

          นักวิจัยทั้งสองคนจะแบ่งเงินรางวัลเท่าๆกันจากจำนวน 10 ล้านโครนสวีเดน (ราว 35 ล้านบาท) สำหรับรางวัลโนเบลก่อตั้งขึ้นมาโดยนายอัลเฟรด โนเบล นักอุตสาหกรรมและนักเคมีชาวสวีเดนซึ่งทำพินัยกรรมก่อตั้งรางวัลนี้ในปี 2438 หรือ หนึ่งปีก่อนการเสียชีวิต

พรุ่งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม มอบเกียรติบัตร น้องมุก นางฟ้าโบกรกเปิดทางรถฉุกเฉิน

          หลังจากเมื่อวานนี้ (6 ก.ย. 63) โซเชียลแห่แชร์คลิป สุดประทับใจ เมื่อน้องนักศึกษาวิ่งลงมาบนถนน วิ่งไล่โบกรถเพื่อเปิดทางให้รถฉุกเฉินไปได้สะดวก จากการตรวจสอบพบว่า หญิงสาวคนนี้  คือ "น้องมุก" น.ส.สุธานาถ ศรีเพ็ชร นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษย์ศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เล่าว่า ตอนนั้นอยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า MRT สิรินธร ประมาณ 08.30 น.ได้ยินเสียงไซเรน ประมาณ 2-3 นาที แต่ก็ไม่เห็นว่ารถฉุกเฉินต้นเสียงจะแล่นมาเพราะช่วงนั้นการจราจรติดขัดมาก ทำให้ตัดสินใจวิ่งลงไปบนถนน ช่วยโบกรถคันอื่นเปิดทางให้รถฉุกเฉิน เพราะอยากช่วยรถพยาบาลคัน ตอนนั้นคิดถึง เรื่องยายแว๊บเข้ามาเพราะยายเสียชีวิต ขณะที่รถฉุกเฉินจะพาไปส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทัน เป็นเหตุการณ์ที่จำอยู่ในใจมาโดยตลอด ทำให้รู้สึกว่า ไม่อยากให้รอแม้แต่วินาทีเดียว จึงลงไปช่วย เพื่อให้รถซ้ายและขวาขยับไปได้ หลังจากช่วยเหลือแล้ว ก็ได้โทรไปสอบถามรถพยาบาลว่า ผู้ป่วยปลอดภัยดีหรือไม่ ก็ทราบว่า ผู้ป่วยปลอดภัยดี เจ้าหน้าที่กู้ภัย ก็ได้ถามว่า เป็นเราที่ลงไปช่วยรถพยาบาลใช่หรือไม่

          สำหรับในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00น. น้องมุก จะเข้าพบ นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เพื่อรับมอบเกียรติบัตร ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม