ไบเดนเสนอเลื่อนดีเบตคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯไปจนกว่าทรัมป์จะหายป่วย

          นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เสนอให้เลื่อนการดีเบตคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำหนดมีขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ออกไปก่อน จนกว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน จะหายป่วยจากโควิด-19 เขากล่าวว่าการดีเบตที่ไมอามีควรจัดขึ้นภายใต้หลักเกณฑ์ด้านสุขภาพที่เข้มงวดเท่านั้น และเขาเห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ที่ทำเนียบขาวเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก

          คำกล่าวของนายไบเดนมีขึ้นหลังการรณรงค์หาเสียงที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งเขากล่าวว่า มีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับสุขภาพของประธานาธิบดี และเขารอคอยที่จะได้ดีเบตกับประธานาธิบดี แต่ก็ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางสาธารณสุข

          ด้านนายทิม เมอร์ทัฟ โฆษกทีมรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีสุขภาพแข็งแรงดีและจะไปดีเบตนัดที่ 2 ที่ไมอามี นายไบเดนไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้และไม่มีใครที่จะช่วยเหลือนายไบเดนได้

          ทั้งนี้ หลังจากมีการเผยแพร่ข้อความที่มีความขัดแย้งกันอย่างต่อเนื่องระหว่างแพทย์กับผู้ช่วยของประธานาธิบดีวัย 74 ปีเกี่ยวกับอาการของเขา ประธานาธิบดีวัย 74 ปี พักรักษาอาการโควิด-19 ที่ศูนย์การแพทย์ทหารได้เพียง 3 คืนก็กลับไปที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ (5 ต.ค.) โดยยืนยันว่า เขาไม่มีอาการโควิด-19 และเขามีสุขภาพที่ดีมาก

          ขณะที่นายไบเดน วัย 77 ปีที่เข้ารับการทดสอบเป็นระยะ และมีผลเป็นลบอีกครั้งในวันอังคาร (6 ต.ค.) หรือ 1 สัปดาห์หลังจากร่วมเวทีดีเบตกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่คลีฟแลนด์ โดยในการกล่าวปราศรัยที่เมืองเกตตีสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เขากล่าวว่าหากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเขาจะละทิ้งความแตกต่างทางการเมือง และพยายามเยียวยาความแตกแยกทางเชื้อชาติ การเมืองและเศรษฐกิจที่ขยายกว้างขึ้น โดยในเวลานี้สหรัฐฯกำลังประสบกับสงครามการเมือง ซึ่งทำให้การจัดการกับไวรัสโคโรนาทำได้ยาก เขาเรียกร้องให้ยุติความยึดมั่นทางการเมือง แล้วปฏิบัติตามหลักวิทยาศาสตร์ การสวมหน้ากากไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นคำแนะนำทางวิทยาศาสตร์

          โดยในการสำรวจความคิดเห็นระดับชาติแสดงให้เห็นว่านายไบเดนยังคงเป็นผู้ที่มีคะแนนนิยมมากกว่าประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ แต่เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายรัฐช่วงห่างของคะแนนนิยมนี้จะมีความแตกต่างกันไปโดยที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เคยชนะนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต ไปอย่างหวุดหวิดในปี 2559 แต่จากการสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอส (Reuters/Ipsos poll) ระหว่างวันที่ 29 กันยายนถึง 5 ตุลาคม พบว่านายไบเดนมีคะแนนนิยมมากกว่าประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ 6 จุด โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ระบุว่าจะเลือกนายไบเดนมีจำนวนร้อยละ 50 และจะเลือกประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ  44

....