ธนาคารกลางของสหรัฐฯและยุโรป ร่วมเรียกร้องให้มีการต่ออายุโครงการใช้จ่ายของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนครอบครัวและธุรกิจต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯและยุโรปกลับมามีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ในแต่ละวันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะมีการออกข้อจำกัดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
โดยในการประชุมสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (National Association for Business Economics) นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด กล่าวว่า ความเสี่ยงด้านสุขภาพ, ความเป็นไปได้ของการเติบโตอย่างช้าๆและการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอย ซึ่งจากการทำงานของเฟดและการที่สภาคองเกรสอนุมัติเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ในการช่วยเหลือบริษัท และครอบครัวโดยตรง ช่วยให้สหรัฐฯสามารถหลีกเลี่ยงสภาวะที่เลวร้ายที่สุดได้ และเตือนว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมจะส่งผลให้ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอ่อนแอ และเป็นการสร้างความลำบากโดยไม่จำเป็นให้กับครัวเรือนและธุรกิจ
ด้านนายฟิลิป เลน กรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า ช่วงเวลาหลายสัปดาห์มานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในด้านสาธารณสุข ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากการที่หลายประเทศมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น และการออกข้อจำกัดเพิ่มเติม ดังนั้นธนาคารกลางของแต่ละประเทศก็จะต้องเตรียมออกมาตรการทางการคลังอย่างจริงจังเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในระดับมหภาค
โกลด์แมนแซคส์ ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวลงร้อยละ 3.5 ในปี 2563 ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรจะลดลงร้อยละ 7.9 แต่เมื่อแยกเป็นรายประเทศ เศรษฐกิจของฝรั่งเศส อิตาลีและสเปนอาจลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก
....