กรมชลฯ ขอเกษตรกรงดทำนาปีต่อเนื่อง เก็บสำรองน้ำใช้ในหน้าแล้งอีก6เดือนข้างหน้า

06 ตุลาคม 2563, 15:08น.


         สัปดาห์นี้เป็นที่น่าจับตาเรื่องพายุ  หลังกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าจะมีพายุดีเปรสชั่นในวันที่ 6 ตุลาคม และส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในวันที่ 7-9 ตุลาคมนี้ นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน ด้านบำรุงรักษา  รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ประชุมทุกภาคส่วน กำชับเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ทั้งในพื้นที่เขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน เฝ้าระวังติดตามปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ปรับแผนระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และตรวจสอบอาคารชลประทาน เครื่องมือต่างๆให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แม้ก่อนหน้านี้จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณน้ำมากขึ้น แต่ช่วงนี้ปลายฤดูฝนแล้ว  ทำให้กรมชลประทาน จะต้องกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะถึงอีก 6 เดือนข้างหน้าด้วย โดยนายสัญญาได้ขอความร่วมมือเกษตรกร งดทำนาปีต่อเนื่องก่อนในช่วงนี้





         การของดทำนาปีต่อเนื่อง มาจากภาพรวมปริมาณที่ตกในปีนี้ ล่าสุดยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณร้อยละ9 จากที่ได้คาดการณ์ไว้  ซึ่งหากแยกเป็นภูมิภาค ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ10-13 ส่วนภาคใต้ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมประมาณ 11,663 ล้านลูกบาศก์เมตร  หรือร้อยละ 47 ของความจุอ่างรวมกันทั้งหมด มีน้ำใช้การได้ประมาณ 4,967 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าปีที่แล้วร้อยละ 20 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้อย 



           ส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ในช่วงสัปดาห์ที่แล้วมีปริมาณน้ำจำนวนมาก ล่าสุด มีปริมาณประมาณ216ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ96 ซึ่งจะบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ไม่ให้เกิดผลกระทบกับท้ายเขื่อน  โดยจะต้องระบายน้ำเข้า-ออกให้สมดุลกัน ยืนยันจากการส่งผู้เชี่ยวชาญลงไปตรวจสอบในพื้นที่แล้ว เขื่อนขุนด่านปราการชล ยังมีความมั่นคงอยู่ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีปัญหา



          การระบายน้ำออกจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่ระบายออกวันละ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร ไม่กระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน เพราะปริมาณความจุที่กรมชลประทานระบายลงลำน้ำ แค่ 1 ใน 3 ของความจุลำน้ำเท่านั้น จุดเฝ้าระวังไม่ว่าจะเป็นที่เขานางบวชก่อนถึงเมืองนครนายกปริมาณน้ำก็ยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 3 เมตร ขณะเดียวกันที่อำเภอเมืองก็เป็นอีกจุดที่เฝ้าระวัง ปริมาณน้ำในนครนายกก็ยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร  และน้ำที่ระบายไปก็จะนำไปกักเก็บในพื้นที่ตอนล่างของนครนายกที่มีพื้นที่400,000 กว่าไร่ ไม่ได้ระบายทิ้ง แต่จะเป็นประโยชน์กับพื้นที่การเกษตรตอนล่างด้วยและอีกส่วนหนึ่งจะเสริมลงในแม่น้ำปราจีน บางปะกง เพื่อช่วยผลักดันน้ำเค็มบริเวณฉะเชิงเทราออกไปปากอ่าวได้ดีขึ้นอีก



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X