การลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 ระหว่างจ.บึงกาฬ-ปากซัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ จุดก่อสร้างสะพานบ้านห้วยเชื่อมเหนือ นำโดย นาย พีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.คนที่ 2 กับคณะผู้แทนแขวงบอลิคำไซ ของประเทศลาว ที่นำโดย ดร. สุวันนี ไชชะนะ รองเจ้าแขวง
รองประธานสนช.คนที่2ได้กล่าวชี้แจงการทำงานของสนช.ต่อประชาชนและรองเจ้าแขวงว่า สนช.มีหน้าที่ในการร่างกฎหมายเพื่อมาบังคับใช้ภายในประเทศ แม้ขณะนี้บ้านเมืองจะอยู่ในภาวะรัฐบาลพิเศษ แต่ยืนยันว่าการทำงานของไปเป็นอย่างอิสระ และพร้อมที่จะรับฟังปัญหาจากประชาชนเสมอ ส่วนการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งนี้ หากสามารถทำได้สำเร็จก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีทางเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬที่จะช่วยให้เกิดการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างทางคมนาคมและช่วยยกระดับเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่าเดิม และจากการพูดคุยกับทางรองเจ้าแขวงบอลิคำไชของประเทศลาวก็พบว่าลาวพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ด้วย
ขณะที่ดร. สุวันนี ก็ระบุว่า มีความยินดีที่จะร่วมมือกับจ.บึงกาฬและฝั่งไทยในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงร่วมกันเพื่อเป็นอีกช่องทางในการค้าขาย และการขนส่งสินค้าที่จะทำได้สะดวกขึ้น โดยลาวพร้อมให้ความช่วยเหลือ เพื่อยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางพันธมิตร โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงสำรวจเส้นทางในบริเวณดังกล่าวที่คาดว่าจะเป็นพื้นที่ก่อสร้างสะพานในอนาคต ซึ่งขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการก่อสร้างและยังเป็นทรายโดยมีธงชาติไทยปักกำหนดจุดไว้เพื่อกำหนดเป็นจุดในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง
สำหรับ สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองจ.บึงกาฬราว 20 กิโลเมตร มีความยาวตลอดสะพานราว 17 กิโลเมตร และผ่านการสำรวจออกแบบและการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนแล้ว คาดว่าต้องใช้งบก่อสร้างกว่า 3,600ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรองบประมาณจากรัฐบาล คาดว่าอีก 3 ปีน่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรม
นอกจากนั้น รองประธานสนช ยังได้พบปะกับประชาชนในพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและข้อร้องเรียนต่างๆ โดยส่วนมากจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับปากท้องและขอให้มีมาตรการช่วยเหลือในค่าครองชีพและเพิ่มราคาการเกษตร ซึ่งชาวบ้านยอมรับว่า ราคาปีนี้ตกต่ำกว่าทุกปี ทำให้ตัวเองเดือดร้อน และส่วนมากจะต้องหาอาชีพเสริมประกอบไปด้วย เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ พร้อมขอให้รัฐบาลช่วยพัฒนาผลผลิตการเกษตรและระบบสาธารณูปโภคในจังหวัด เช่น ถนน ไฟฟ้าที่ยังเข้าไม่ถึงในบางพื้นที่ด้วย