ก.พลังงาน ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง 2 เจ้าหน้าที่ซี 8 เรียกรับผลประโยชน์

          นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) จับกุมเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน ซี 8  ในข้อหามีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการว่ากรมธุรกิจพลังงานในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดประสาน สน.บางซื่อ เพื่อนำใบแจ้งความดำเนินคดี นายจักรชัย ตั้งปรัชญากูล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/11 ซอยลาดพร้าว 80 แยก 26 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ตำแหน่งวิศวกรชำนาญการพิเศษ และนายฐาปณพงษ์ พาสนพัฒน์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ถนนเทศบาล 2 ต.ในเมือง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ ตำแหน่งวิศวกรชำนาญการ สังกัดกองความปลอดภัยธุรกิจน้ำมัน กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคาร A เขตจตุจักร ประกอบคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และต้องสรุปผลให้ได้ภายใน 7 วัน

          เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.).จับผู้ต้องหาทั้งสองคนตามการประสานของพ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้รับแจ้งจากผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงานว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐ สังกัดกระทรวงพลังงาน เรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เพื่อดำเนินการยื่นเรื่องขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงการประกอบกิจการคลังน้ำมันแบบแปลนสายล่อฟ้า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ผู้เสียหายได้ไปยื่นเรื่องแบบคำขอที่ศูนย์บริการธุรกิจพลังงาน กรมธุกิจพลังงาน เพื่อขอเปลี่ยนแปลงการประกอบกิจการคลังน้ำมัน ระยะที่ 1 (ชลบุรี) โดยมี นายฐาปณพงษ์ เป็นเจ้าหน้าที่รับเรื่อง และมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายฐาปณพงษ์ ได้แจ้งให้ผู้เสียหายไปพบที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งแล้วแจ้งว่าให้แก้ไขแบบที่ยื่นโดยไม่มีการลงนามแจ้งแก้ไขเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งผู้เสียหายได้ยินยอมที่จะแก้ไข เนื่องจากต้องการให้เรื่องเสร็จสิ้นภายในกรอบระยะเวลาของการยื่นเรื่องคือ 45 วัน ต่อมา นายฐาปณพงษ์ ได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายและมีการเรียกรับเงิน 50,000 บาท โดยอ้างว่าจะต้องนำไปให้หัวหน้างานในลำดับถัดไปดำเนินการพิจารณาอนุญาตเรื่องที่ยื่น แต่ผู้เสียหายได้ต่อรองเหลือ 20,000 บาท โดยจะนัดหมายเพื่อจ่ายเงินหลังจากที่ได้มีการเซ็นรับใบอนุญาตเรียบร้อย สำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้ประสานงานและวางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปปป. 

ป.ป.ท.เร่งรัดแต่ละหน่วยงานทำคดีบอส อยู่วิทยา รอผลประชุมกอ. 10 ต.ค.

          คดีของนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา พ.ต.ท.วันนพ กล่าวว่า หลังจากที่ ป.ป.ท. ได้ส่งเอกสารไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช. สำนักอัยการ หรือ กอ. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ ซึ่ง ป.ป.ท.ประสานงานกันอย่างต่อเนื่องตลอด ส่วนจะสามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้เมื่อไรนั้น เรื่องนี้ต้องให้ สตช. และอัยการ ซึ่งกำลังดำเนินการไปแล้ว แต่ป.ป.ท.จะติดตามความคืบหน้าทุกหน่วยงานเป็นระยะ ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังดำเนินการในกรอบอำนาจของตนเอง และขณะนี้ สตช. ได้ตั้งกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง และวันที่ 10 ต.ค.นี้ จะมีการหารือในที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการอัยการ(กอ.) ดังนั้น ขอให้รอฟังผลการประชุมพร้อมแจ้งให้สาธารณชนทราบเป็นระยะ และส่วนของศาลยุติธรรม ได้ดำเนินการในส่วนที่ยังไม่ได้ฟ้องร้องไปแล้ว

          สำหรับความเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดี แต่ขอให้รอดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ควบคู่สำนวนคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าคดีนี้ของนายวิชา มหาคุณ แต่ยืนยันคดีนี้จะไม่เงียบ เนื่องจากอยู่ในกระบวนการแล้ว และอยู่ในความสนใจ 

บอร์ดองค์การสวนสัตว์ฯ ประชุม คกก. นัดพิเศษ ถกปมเก้งหาย

          วันนี้ นายชวลิต ชูขจร ประธานคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรียกประชุมคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ เป็นกรณีพิเศษ ติดตามผลการตรวจสอบเรื่องที่เก้งพระราชทานสองตัวหายไปจากสวนสัตว์สงขลา สำหรับกรอบในการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้มีการตั้งข้อสังเกตไว้หลายประเด็น ได้แก่

1.ทำไมไม่มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งแต่เริ่มทราบว่าลูกเก้งหายไป จนมาพบซากเป็นโครงกระดูกก็ยังไม่แจ้งความ

2.จะต้องสอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์เลื้อยคลานว่าเวลากินตัวอะไรเข้าไปแล้วจะคลายเลยหรือไม่หรือต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนานเพียงใด

3.สืบสวนเรื่องร่องรอยในพื้นที่ว่าเมื่อทราบว่าเก้งหายไปแล้วพื้นที่ตรงนั้นมีร่องสัตว์ต่อสู้หรือดิ้นรนเอาชีวิตรอดลักษณะจะเป็นอย่างไร รวมทั้งยังต้องให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าการที่ทางสวนสัตว์ ระบุว่าลูกเก้งตัวแรกถูกงูเหลือมกินและมาพบซากโครงกระดูกทีหลังนั้นจริงหรือไม่โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าพฤติกรรมการกินของงูนั้นพอกินไปแล้วจะสามารถเหลือโครงกระดูกไว้หรือไม่และนำมาเทียบกับอายุของลูกเก้งตัวแรกว่าถ้างูเหลือมกินเข้าไปแล้วยังสามารถเหลือโครงกระดูกเหมือนที่พบและเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ฯ อ้างว่าเป็นโครงกระดูกของเก้งเผือก ทั้งนี้ หากการสอบสวนพบความผิดปกติ ก็จะสืบสวนสอบสวนด้วยว่าน่ามีการร่วมกันทำเป็นขบวนการหรือไม่หรือจะมีผู้ใดที่เกี่ยวข้องบ้าง โดยจะเร่งสืบสวนคลี่คลายทุกปมประเด็นโดยเร็ว

          นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่าตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ตั้งทีมงานสอบสวนในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยจะมีการสอบในประเด็นเรื่องการโยกย้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ทั้ง 4 นายโดยเฉพาะนายสัตวแพทย์ภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ กรณีที่ใช้อาวุธปืนยิงนายสุริยา  แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจากการสอบญาติและคนใกล้ชิด ได้ข้อมูลว่านายสัตวแพทย์ภูวดล โกรธแค้นนายสุริยาอย่างมากที่มีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่โดยไม่มีความผิด และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้ทำผิดและตั้งใจทำงานมาโดยตลอด รวมถึงมีการตัดพ้อทำนองว่าทำไมไม่สอบสวนและสั่งย้ายคนอื่นที่มีความรับผิดชอบโดยตรง ตนเป็นแค่หมอที่คอยดูแลสัตว์ยามเจ็บป่วยและสุขภาพทั่วไปของสัตว์เท่านั้น

นายกฯ ให้กระทรวงทรัพยากรฯ สอบการลักลอบค้าสัตว์ป่า

          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิดว่ายังมีเรื่องการลักลอบค้าสัตว์ป่าสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษ รวมทั้งมีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วย เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่เราต้องสูญเสียบุคลากรไปทั้ง 2 คน อาจจะด้วยอารมณ์ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย ได้เน้นย้ำว่าเรื่องสัตว์ป่าที่หายหรือตายไปจะต้องหาคำตอบให้ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้กำชับไปว่าจะต้องรับผิดชอบกันทั้งหมดว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะต้องไม่ซ้ำรอยขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันก็ได้เน้นย้ำว่าจะต้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเก้งพันธุ์สีขาวเอาไว้ให้ได้ เพราะขณะนี้เหลืออยู่เพียงตัวเดียว จากนี้ไปก็คงเป็นบทเรียนให้กับทุกองค์กรให้เอาใจใส่ดูแลสิ่งต่างๆให้มากยิ่งขึ้น เพราะมีการสูญเสียเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะชีวิตและทรัพย์สินที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษ