การดำเนินคดีกับผู้ทุจริตบัตรทองในกรุงเทพฯ ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 2 ล้านคน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการร่วมกันตรวจสอบ ยืนยันว่า ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี สถานพยาบาลในเขตกรุงเทพฯ พบ การเบิกจ่ายผิดปกติถึง 190 แห่ง จะไม่ดำเนินการเพียงแค่การยกเลิกการเป็นคู่สัญญาหน่วยบริการกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เท่านั้น โดยจะต้องตรวจสอบไปให้ถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิด ทั้งผู้กระทำผิด ผู้ร่วมสนับสนุน หรือแม้แต่ผู้ประมาทเลินเล่อ นายอนุทิน ย้ำว่า การทุจริตไม่ว่าจะเป็นการทุจริตประเภทใดก็ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ส่วนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งจะเริ่มนำร่องเป็นบางเขตสุขภาพนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือและกำหนดพื้นที่ หากระบบฐานข้อมูลมีความพร้อมก็จะสามารถดำเนินการได้
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ว่า ขณะนี้กำลังเลือกพื้นที่ โดยต้องมีการประเมินก่อนว่าพื้นที่ไหนมีศักยภาพในการนำร่องเรื่องนี้ ต้องหาพื้นที่ที่มีต้นทุนในเรื่องระบบการจัดการอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเขต 1 เขต12 เขต 9 และกทม. ซึ่งมีศักยภาพ มีการบริหารแบบพ่วงบริการอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องเลือกก่อนว่ามีพื้นที่อื่นๆ หรือไม่ เบื้องต้นตั้งใจออกแบบด้วยการตั้งคณะกรรมการระดับเขต มีการตั้งกองทุนระดับเขตขึ้นเพื่อให้ในพื้นที่บริหารจัดการเอง ทำเหมือนเขตเป็นประเทศหนึ่งบริหารจัดการ อย่างมีหัวประชากรเท่าไหร่ ก็เอาไปไว้ที่โน้น เพื่อบริหารจัดการเองโดยรพ.ไม่เดือดร้อน ไม่เกิดภาวะขาดสภาพคล่อง ซึ่งการทำรูปแบบนี้จะต้องขอ ก.พ.และ ก.พ.ร. เพื่อดำเนินการ คาดว่า ต้องทำให้ได้ภายในปีนี้
วันเดียวกัน ที่รพ.ราชวิถี นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และนพ.จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการ สปสช. เปิดคลินิกบัตรประกันสุขภาพ ตามมาตรา 8 รพ.ราชวิถี รองรับผู้ป่วยบัตรทองที่ได้รับผลกระทบจากกรณี สปสช. ได้ยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการเอกชนบางแห่ง โดยตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2563 ได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบในสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 8 แล้ว จำนวน 9,191 ราย