การติดตามความก้าวหน้าแผนเร่งรัด การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19)พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีมติเห็นชอบในแผนงบประมาณเร่งรัด 2,339.24 ล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ที่จะจัดสรรให้หน่วยงานต่างๆ แบ่งเป็น
-การพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำ 860 ล้านบาท
-การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนภายในประเทศ 1,149 ล้านบาท และ
-การพัฒนาสถานสัตว์ทดลองเพื่อการวิจัย ม.นเรศวร 30 ล้านบาท
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีการพิจารณาเรื่อง การจองวัคซีนล่วงหน้า ซึ่งทางคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้อนุมัติในแนวทางหลักการจองวัคซีนล่วงหน้า วางกรอบวงเงินไว้ประมาณ 2,930 ล้านบาท แต่งบในส่วนนี้ยังไม่ได้อนุมัติงบ แต่ได้มีการหารือคร่าวๆ คือ หากมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ไทยมีอยู่ 2 แนวทาง คือ
1.การจองวัคซีนผ่านโคแวค ในร้อยละ 20 จากจำนวนประชากรในประเทศไทย และ
2.การร่วมมือแบบทวิภาคี กับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่กำลังทดลองในมนุษย์ระยะ 3 ร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรในประเทศไทย รวมแล้ว คือ ร้อยละ 50 ของประชากรในประเทศ จากข้อมูลจำนวนวัคซีนจะเป็น 2 โดส ต่อ 1 คน ทำให้ประเทศไทยต้องมีงบประมาณสนับสนุนล่วงหน้าประมาณร้อยละ 15 จะอยู่ที่ 2,930 ล้านบาท
ด้านนพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ระบุว่า การจองวัคซีนล่วงหน้าเพื่อให้ในปี 2021 ไทยสามารถมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ใกล้เคียงกับประเทศอื่น โดยกรอบวงเงินที่เสนอไป เป็นเพียงกรอบในหลักการเท่านั้น เนื่องจากยังไม่มีราคาชัดเจนสำหรับวัคซีน สำหรับการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ร้อยละ 50 หากได้ในอนาคต ตอนนี้อยู่ระหว่างการจัดกลุ่มความจำเป็นในการใช้งาน เบื้องต้นต้องจัดสรรให้บุคลากรที่อยู่ในส่วนหน้าของการป้องกันโควิด-19 เช่น บุคลากรทางการแพทย์ก่อน
เบื้องต้นหากคำนวณจากจำนวนวัคซีนร้อยละ 50 ที่ไทยจะดำเนินการจอง คาดมีประชากรประมาณ 33 ล้านคน รวมประมาณ 66 ล้านโดส สำหรับบริษัทวัคซีนที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติจะทำการเจรจานั้น ทางผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนฯ ยังไม่เปิดเผยรายชื่อ เพราะรอความชัดเจนก่อน ขณะที่ ความคืบหน้าการผลิตวัคซีนต้นแบบ mRNA ที่จุฬาฯ ส่งไปผลิตยังต่างประเทศ เบื้องต้น โรงงานผลิตวัคซีนต้นแบบได้ทำการผลิตวัคซีน คาดเดือนมกราคมส่งถึงไทย และเตรียมทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1