ผลการศึกษาเรื่องอนาคตการค้าของสหราชอาณาจักร:สถานการณ์ร่วมจากการถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป(เบร็กซิต)และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเคนซี บริษัทกฎหมายชั้นนำของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ปัจจัยร่วมจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการที่สหราชอาณาจักรไม่บรรลุข้อตกลงเบร็กซิตกับกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ภายในปลายปีนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายถอนตัวแบบไร้ข้อตกลงหรือ No Deal นั้นจะทำให้อัตราการเจริญเติบโตของจีดีพีของสหราชอาณาจักรลดลง 134,000 ล้านปอนด์ (หรือ 174,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)ต่อปี ติดต่อกันราว 10 ปี
โดยเฉพาะข้อตกลงการค้ากับกลุ่มอียูในยุคหลังเบร็กซิต นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มอียูภายในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ก่อนเริ่มถอนตัวออกจากกลุ่มอียูอย่างเป็นทางการปลายปีนี้ ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะลดอัตราการเจริญเติบโตของจีดีพีของสหราชอาณาจักรร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตในช่วงก่อนการแพร่ระบาด
ในกรณีที่สหราชอาณาจักร ตกลงถอนตัวจากกลุ่มอียู แบบ No Deal แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า อัตราการเติบโตของจีดีพีของสหราชอาณาจักรจะลดลงร้อยละ 3.1 ในระยะยาว เมื่อเทียบกับกรณีที่สหราชอาณาจักรยังคงเป็นสมาชิกกลุ่มอียูต่อไป โดยเฉพาะการส่งออกของสหราชอาณาจักรจะลดลงจากเดิมร้อยละ 6.3 แต่ถ้าถอนตัวกันแบบ No Deal ด้วย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าด้วย ความเสียหายจากเบร็กซิตที่มีต่ออัตราการเติบโตของจีดีพีจะเพิ่มเป็นร้อยละ 3.9 ในระยะยาว
ผลศึกษา ระบุว่า แม้ว่าภาคธุรกิจจะเริ่มดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อลดความเสียหายที่เพิ่มขึ้นจากเบร็กซิตเช่นการปรับทั้งในเรื่องการผลิต การจัดซื้อจ้างและการขนส่งสินค้าไปยังผู้บริโภค แต่รายได้จากการส่งออกของผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักรจะลดลงจากเดิมค่อนข้างมาก พร้อมเสนอแนะให้ภาครัฐใช้ทุกๆมาตรการช่วยบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ
Cr: Reuters, Investing