เลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯอาจได้รับผลกระทบ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19

          ความสูงวัยอาจทำให้พรรครีพับลิกันต้องเปลี่ยนตัวผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ  เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อายุ 74 ปีแล้ว จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรง หลังตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019  หรือ โควิด-19  ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลอาจต้องพิจารณาแผนสำรองที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญในกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ป่วยเกินกว่าจะลงเลือกตั้งต่อ

             การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 ที่ได้รับสัตยาบันในปี 2510 เรื่องการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีระบุไว้ว่า หากประธานาธิบดีถูกถอดถอนจากตำแหน่ง เสียชีวิตหรือลาออก ให้รองประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งแทน แต่หากรองประธานาธิบดีไม่สามารถทำได้ ให้เป็นหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร

          ขณะเดียวกันคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกันอาจเลือกผู้สมัครชิงประธานาธิบดีแทนประธานาธิบดีทรัมป์ กรรมการทั้ง 168 คนจะต้องประชุมเพื่อลงมติในเรื่องนี้ และจะเป็นครั้งแรกที่มีการทำเช่นนี้เพราะไม่เคยมีผู้สมัครที่เป็นตัวแทนพรรคใดเสียชีวิตหรือถอนตัวก่อนการเลือกตั้งมาก่อน โดยรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์และรัฐมนตรีหลัก 8 ใน 15 กระทรวงจะต้องเห็นพ้องกันเรื่องทำหนังสือแจ้งต่อรัฐสภาว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ เมื่อหนังสือไปถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกอาวุโสสูงสุดที่เป็นประธานผู้ทำหน้าที่ชั่วคราว (president pro tempore) นายเพนซ์ซึ่งเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่งจะทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดี อีกทางหนึ่งรัฐสภาอาจตั้งคณะกรรมการขึ้นตัดสินว่าประธานาธิบดีทรัมป์เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ แต่หากประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่า ยังมีความสามารถ เขาต้องทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกอาวุโสสูงสุดภายใน 4 วัน เพื่อให้ทั้งสองสภาอภิปรายสูงสุด 3 สัปดาห์ ประธานาธิบดีทรัมป์จะถูกปลดหากเสียงสองในสามของทั้งสองสภาเห็นด้วย แต่หากสภาตกลงกันไม่ได้ ประธานาธิบดีทรัมป์จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป