ปลัดสธ. เผยอาจมีการระบาดโควิด-19 เป็นหย่อม อาทิตย์หน้า กรมควบคุมโรค แถลงแผนเพิ่ม
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อน คือการควบคุมสถานการณ์โรคโควิด -19 ได้ตั้งทีมทำงานขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์โรคโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นในระลอกต่อไป ซึ่งไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไหน แต่การระบาดแบบวงกว้างจนควบคุมไม่ได้ คงไม่เกิดขึ้น และจะไม่มีการปิดบ้านปิดเมืองเหมือนในระลอกที่ 1 เนื่องจากมีมาตรการทางสังคมต่างๆ ที่ประชาชนร่วมปฏิบัติมากกว่าร้อยละ 80 ทำให้สามารถป้องกันได้
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า อาจมีการระบาดเป็นหย่อมๆ เกิดขึ้น แต่จะควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อและแพร่ระบาดมากขึ้นโดยเร็ว มอบหมายให้กรมควบคุมโรคดำเนินการและในสัปดาห์หน้าจะนำเสนอแผนรายละเอียดและจะแถลงอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนวัคซีนในปีแรกตั้งเป้าให้ครอบคลุมร้อยละ 50 ของประชากร ซึ่งจะมีการจัดหาจากแหล่งต่างๆ ทั้งนี้ ทีมที่ปรึกษาด้านโควิด-19 มีการคาดการณ์หากมีการพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จจริง อาจจะทำให้วัคซีนล้นตลาดเพราะมีบริษัททำวัคซีนมากที่สุด แต่ปัจจุบันแม้ยังไม่มีวัคซีนแต่คนไทยก็อยู่ได้ ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย
CR:กระทรวงสาธารณสุข
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำกักตัว14 วัน ยืนยัน มาตรการคำนึงถึงความสมดุล
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ 14 วัน เพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ยืนยันว่าเราทำงานตามฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันจนกว่าจะมีข้อมูลใหม่มาหักล้าง ซึ่งข้อมูลปัจจุบันการกักตัว 14 วันเพียงพอ และมีการเข้มงวดการควบคุมโรคในสถานที่กักกันทุกรูปแบบ รวมถึงการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลด้วย
นพ.ธนรักษ์ ย้ำว่า ตอนนี้ยังกักตัว 14 วัน แต่เริ่มมีนักวิจัย ทบทวนมาตรการที่แต่ละประเทศดำเนินการรวมทั้งทบทวนเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะสามารถนำมาใช้เสริมจากวิธีการเดิมที่ใช้อยู่ จึงเริ่มจะส่งสัญญาณว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะลดระยะเวลากักตัวลง ดังนั้น เรื่องพวกนี้ ทีมวิชาการดูอยู่อย่างใกล้ชิด เวลานำมาใช้ก็จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์กับคนไทยมากที่สุด เพื่อความปลอดภัยมากที่สุด เช่น บางมณฑลของจีนไม่มีผู้ป่วยมา 200 กว่าวัน ถ้าเข้ามาในไทยก็ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อเข้ามาต่ำมากๆ
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการพิจารณาออกมาตรการต่างๆ เราไม่ได้พิจารณาแค่มิติเดียวแต่เราพิจารณาในความเสี่ยงภาพรวมและยังดูด้วยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นเราจะสามารถไปจัดการกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ดีแค่ไหน เรามีการพิจารณาภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่ความเสี่ยงต้นทาง วิธีกักตัว 7 วัน แล้วหลังจาก 7 วันแล้วจะสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือทำอะไรไม่ได้บ้าง ไม่ใช่ว่าจะตรวจแค่ 7 วันแล้ว จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่จะมีวิธีการผ่อนคลายระดับหนึ่งที่ไม่ทำให้คนไทยเสี่ยงจนเกินไป เราไม่ได้ดูแค่มติว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว เราไม่อยากจะทำให้เสียสมดุล กระทรวงสาธารณสุขยินดีสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นได้ด้วยความปลอดภัย
นอกจากนี้ เป้าหมายอีกอย่าง คือ การสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพวิถีชีวิต วิถีทางสังคมและเศรษฐกิจ เพราะวันนี้แม้ไม่มีโควิด-19 ในประเทศ ก็ไม่ได้หมายความว่าโควิด-19 จะทำร้ายคนไทยไม่ได้ แต่โควิด-19 ทำร้ายคนไทยด้วยวิธีการอื่น ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ มีเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง คนที่ไม่มีกิน จะมีสุขภาพดีได้อย่างไร และจะมีผลกระทบด้านอื่นๆ อีก ดังนั้น ในช่วงนี้จึงต้องทำเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการระบาดใหญ่ เพื่อให้ทุกอย่างสามารถเดินไปได้อย่างสมดุลที่สุด
‘หมอยง’ เผย การระบาดในชนบทของเมียนมา คุมได้ยาก
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ โควิด-19 การระบาดของโรคว่าในแต่ละประเทศ การระบาดจะเริ่มจากตัวเมืองก่อนแล้วค่อยไปสู่ชนบท เห็นได้ชัดเจนในประเทศเมียนมา เริ่มทางตะวันตก เข้าหัวเมืองชายทะเลแล้วเข้าสู่เมืองขนาดใหญ่คือย่างกุ้ง การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัย จะเป็น 2 เท่าทุกสัปดาห์ เริ่มจาก 1,500 คน เป็น 3,000 คน และเป็น 6,000 คน ในสัปดาห์ต่อมา และเพิ่มเป็น 12,000 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 รายแล้ว หรือประมาณร้อยละ 2.3 ขณะนี้จึงมีผู้ป่วยวันละประมาณเกือบ 1,000 คน ทำให้ยากที่จะควบคุมการระบาด เมื่อไปสู่หัวเมืองต่างๆโดยเฉพาะไปสู่ชนบท ที่มีข้อจำกัดในการตรวจวินิจฉัย และระบบสาธารณสุข ถึงแม้ว่าจะปิดเมืองย่างกุ้ง
นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้ก็ยากที่จะควบคุม ให้เหลือน้อยที่สุด ถ้าเชื้อหลุดเข้ามา ก็ขอให้เราควบคุมและดูแลให้ได้อย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย เราเชื่อมั่นว่าเราจะต้องทำได้ ประเทศไทยกำลังผ่านฤดูฝน ทุกปีจะมีการระบาดพบโรคทางเดินหายใจเป็นจำนวนมาก สิงคโปร์ถึงแม้จะมีผู้ติดเชื้อ มากกว่า 57,000 คน เสียชีวิตเพียง 27 ราย และมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อ มากกว่าหมื่นคน แต่ก็มีผู้เสียชีวิตเพียงร้อยละ 1.2 น้อยกว่าเมียนมาเท่าตัว
CR: facebook ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
สายแน่น! ชาวเมียนมา โทรกว่า 200,000 ครั้ง ขอคำแนะนำโควิด-19
กระทรวงสาธารณสุขเมียนมา เปิดสายด่วนให้บริการ 24 ชั่วโมง สอบถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ซึ่งอยู่ในช่วงแรกของการระบาดที่พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ปัจจุบันศูนย์บริการมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพรวมทั้งสิ้น 60 คน คอยให้บริการตอบคำถามตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และมีระบบตอบรับอัตโนมัติในช่วงนอกเวลาทำการ พบว่า เมื่อเดือนก.ย.ประชาชนโทรศัพท์สอบถามรายวันเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 200,000 ครั้ง เมื่อเทียบจากเดือน ส.ค.มีผู้ติดต่อรายวันประมาณ 30,000-60,000 ครั้ง
ผู้ที่ติดต่อเข้ามาที่ศูนย์บริการส่วนใหญ่อยู่ในนครย่างกุ้ง เขตอิรวดี เขตสะกาย เขตมัณฑะเลย์ เขตมะเกว และรัฐยะไข่ และราวร้อยละ 43 ของสายที่ติดต่อสอบถามมาจากพื้นที่ชนบท และศูนย์บริการยังได้รับสายที่ติดต่อมาจากพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย คาดว่า เป็นเพราะยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นจากการระบาดระลอกสองที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 16 ส.ค. และจากสถานการณ์ดังกล่าว ทางกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงข้อมูลข่าวสารได้ร่วมกันจัดรายการถาม-ตอบประจำสัปดาห์ออกอากาศทางโทรทัศน์เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
ทบ.ส่งทหารชุดเดิมไปฝึกที่สหรัฐฯ 3 ต.ค.-1 พ.ย.
พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อเดือน ก.ค. กองทัพบก ส่งกำลังพลเข้าร่วมการฝึก Lightning Forge 2020 ที่สหรัฐฯ จากแผนฝึกจะทดสอบและประเมินผลในเดือนนี้ ดังนั้น เพื่อความต่อเนื่องของแผนงานดังกล่าว และเป็นไปตามพันธกรณีกับกองทัพมิตรประเทศ กองทัพบกเตรียมส่ง กองร้อยทหารราบฝึกผสมไทย-สหรัฐอเมริกา ไปร่วมประเมินผลการฝึกที่ศูนย์การเตรียมความพร้อมร่วม (Joint Readiness Training Center : JRTC) Fort Polk รัฐหลุยเซียนา สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 3 ต.ค.-1 พ.ย.โดยจัดกำลังจากหน่วยเดิมและเป็นกำลังพลชุดเดิมที่เคยเดินทางไปฝึกเมื่อเดือนก.ค.เป็นหน่วยสังกัดกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ 189 นาย กองทัพบกสร้างมาตรการป้องกันเรียนรู้เพื่อให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และกำลังพลพร้อมทั้งด้านสมรรถภาพร่างกาย เชื่อมั่นระบบป้องกันการติดเชื้อที่กองทัพบก เตรียมการไว้พร้อมเผชิญหน้ากับความเสี่ยงรวมถึงกำลังพลที่เคยได้รับผลกระทบจากการฝึกครั้งที่ผ่านมา
ปีนี้มีกองทัพสหรัฐฯ อินโดนีเซีย และไทย เข้าร่วมประเมินผล สำหรับกำลังพลที่จะเดินทางไป JRTC ครั้งนี้ ได้รับกักตัว 5 วัน และทดสอบหาเชื้อล่วงหน้าก่อนเดินทาง โดยอากาศยานเช่าเหมาลำ ในระหว่างอยู่ที่สหรัฐฯจะพักอยู่ในพื้นที่ควบคุมเฉพาะ (Training Bubble) ไม่พบกับบุคคลภายนอกที่ไม่ผ่านการตรวจเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงตามที่กองทัพบกสหรัฐฯวางมาตรการไว้เคร่งครัด มีกำหนดเดินทางกลับไทยวันที่ 2 พ.ย.โดยผ่านกระบวนการเข้าประเทศตามมาตรการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กำหนด