เกาหลีเหนือ ยอมรับพบ “ข้อผิดพลาด” แนวทางป้องกันโควิด-19
นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประชุมคณะกรรมการกรมการเมือง (politburo) ของพรรคแรงงานเกาหลี เพื่อทบทวนมาตรการป้องกันโควิด-19 และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้เข้าร่วมประชุมบางคนพบว่ามาตรการที่ใช้อยู่ยังมีข้อผิดพลาด การประชุมครั้งนี้เน้นย้ำเรื่องการป้องกันความประมาท การละทิ้งหน้าที่ หลังจากมีชาวเกาหลีใต้ ถูกทหารเกาหลีเหนือยิงเสียชีวิตใกล้พรมแดนทางทะเล เนื่องจากมีการบังคับใช้มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน เกาหลีเหนือ ยืนยันว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศแม้แต่รายเดียว และได้ใช้มาตรการควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวด
ขณะที่เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ไม่เชื่อว่า เกาหลีเหนือจะสามารถใช้มาตรการป้องกันโควิด-19 ได้ ขณะที่ เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติ แถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นว่าแนวทางป้องกันโควิด-19 ที่เกาหลีเหนือใช้อยู่ช่วยให้ประเทศปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ได้และจะมุ่งหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ
ผลตรวจ ยืนยัน ‘ลูกเรือสำราญมอลตา’ ไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19
จากเหตุการณ์เรือสำราญ Mein Schiff 6 ติดธงชาติมอลตา ของบริษัทเยอรมัน ที่มีผู้โดยสารทั้งหมด 922 คน ลูกเรืออีก 666 คน มีแผนเดินทางออกจากเกาะครีต มุ่งหน้าไปที่เกาะคอร์ฟู (Corfu) ในทะเลไอโอเนียน ของกรีซ เป็นเรือสำราญลำแรกที่ออกเดินทางจากกรีซหลังจากที่มีการประกาศล็อกดาวน์เมื่อเดือน มี.ค.ได้รับผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการบนเกาะครีต พบว่า ลูกเรือ 12 คนจาก 150 คนมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ทำให้เมื่อเช้าวันอังคาร เรือลำนี้ต้องเบนหัวเข้าไปจอดเทียบท่าเรือพิราอุส (Piraeus) ใกล้กรุงเอเธนส์
ล่าสุด ผลการตรวจล่าสุดของลูกเรือทั้งหมดได้รับการตรวจร่างกายซ้ำอีก 3 ครั้ง ผลออกมาเป็นลบทั้งหมด ทำให้นายนิโกส ฮาร์ดาเลียส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงป้องกันพลเรือนกรีซ ยกเลิกคำเตือนเรื่องความไม่ปลอดภัยของเรือลำนี้แล้ว เนื่องจากได้รับการยืนยันว่าปลอดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หน่วยยามฝั่งกรีซ ระบุว่า เรือลำนี้อยู่ระหว่างรอไฟเขียวขั้นสุดท้ายจากหน่วยงานสาธารณสุขเพื่อออกเดินทางต่อ
สอดคล้องกับบริษัทของเรือสำราญ ระบุว่า ก่อนที่จะเดินทางออกมา ผู้โดยสารทั้ง 922 คน บนเรือลำนี้ได้ผ่านการตรวจสุขภาพแล้วพบว่าปลอดเชื้อโควิด-19
ด้านศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยา กิกัส มากีโอร์กินิส เปิดเผยว่า บางครั้งผลตรวจครั้งแรกก็ยืนยันไม่ได้ชัดเจน และจำเป็นจะต้องมีการตรวจซ้ำ
GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ หดตัว 31.4% รุนแรงที่สุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้าย สำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ระบุว่า เศรษฐกิจหดตัวลงร้อยละ 31.4 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวเมื่อ 70 ปีก่อน ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 2 ดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจหดตัวลง ร้อยละ 31.7 และดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจหดตัวลงร้อยละ 32.9
ปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯหลายเรื่องทำให้หุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวดีขึ้น
-นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตและนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ต่างแสดงความหวังว่าจะสามารถฝ่าทางตันในการเจรจาร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ฉบับใหม่ได้สำเร็จ
-ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. พุ่งขึ้นร้อยละ 8.8 แตะระดับ 132.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบรายเดือนและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4
-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 329.04 จุด หรือร้อยละ1.20 ปิดที่ 27,781.70 จุด
-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 27.53 จุด หรือร้อยละ 0.83 ปิดที่ 3,363.00 จุด
-แนสแดค เพิ่มขึ้น 82.26 จุด หรือร้อยละ 0.74 ปิดที่ 11,167.51 จุด
ความเคลื่อนไหวของตลาดทุน ทำให้นักลงทุน เมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและฉุดทำให้ราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวันพุธลดลง ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 7.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,895.50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
ธุรกิจการบินสหรัฐฯ เสี่ยงตกงานกว่า 30,000 คน หากรัฐไม่อัดฉีดเงิน
พนักงานจำนวนกว่า 30,000 คนในอุตสาหกรรมการบินสหรัฐฯมีความเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างเริ่มตั้งแต่วันนี้ หากไม่ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากรัฐบาล เมื่อเดือนมี.ค. รัฐบาลสหรัฐฯให้เงินเยียวยาสายการบินสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คิดเป็นวงเงิน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีข้อแม้ว่า บริษัทเหล่านี้จะต้องไม่ปลดพนักงานจนถึงวันที่ 30 ก.ย.
ด้านนายสตีเวน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า จะเจรจากับนางแนนซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อีกครั้งเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเขามีความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับนางเพโลซี ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งจะรวมถึงเงินช่วยเหลืองวดใหม่จำนวนดังกล่าวให้อุตสาหกรรมการบินด้วย
ผลสำรวจ ดีเบตครั้งแรก คู่ชิงผู้สหรัฐฯ ‘น่ารำคาญ’ ทรัมป์ พูดขัดจังหวะกว่า 70 ครั้ง
ปฎิกิริยาหลังจากที่จบการดีเบตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน อดีตรองผู้นำสหรัฐฯ 2 สมัย และตัวแทนพรรคเดโมแครต ขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรก สำหรับคู่ชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ที่มหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเซิร์ฟ ในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ เมื่อคืนวันอังคาร โดยทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันอย่างดุเดือดตลอด 90 นาที และนายทรัมป์ พูดมากกว่านายไบเดน และขัดจังหวะนายไบเดนถึง 73 ครั้ง
นักลงทุน ตรึกตรองผลของศึกดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐฯรอบแรก ต่างกล่าวโจมตีอีกฝ่าย สบประมาทแดกดันและทะเลาะกันในประเด็นต่างๆ ทั้งโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ประกันสุขภาพและเศรษฐกิจ
ด้านดร.แฟรงก์ ลันต์ซ หนึ่งในที่ปรึกษาทางการเมืองชื่อดังของสหรัฐฯ กล่าวว่า ทีมงานของทั้งสองฝ่ายคาดหวังให้การดีเบตครั้งนี้สามารถโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนที่ยังลังเลให้ตัดสินใจแต่ปฏิกิริยาของบุคคลกลุ่มนี้ค่อนข้างไปในทางที่ว่า "ไม่อยากลงคะแนนให้กับใคร" หรืออาจถึงขั้นไม่ออกไปใช้สิทธิ์ในวันที่ 3 พ.ย.ดังนั้นทีมงานของทั้งสองคนต้องทำการบ้านให้ดีขึ้น สำหรับการขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ครั้งต่อไปในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ที่เมืองไมอามี ในรัฐฟลอริดา
สรุปผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันจากสื่อต่างๆ หลังการดีเบตครั้งแรกจบลง
-สถานีโทรทัศน์ซีบีเอส กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 48 ยกให้นายไบเดน ทำได้ดีกว่า และร้อยละ 41 ของกลุ่มตัวอย่างมองว่านายทรัมป์ ทำได้ดีกว่า แต่ร้อยละ 10 ให้ทั้งคู่ เสมอกัน อย่างไรก็ตามร้อยละ 69 ของผู้ตอบแบบสอบถามกับซีบีเอสให้ความเห็นว่า การดีเบตครั้งนี้ น่ารำคาญ โดยมีเพียงร้อยละ 17 เท่านั้นที่กล่าวว่า มีสาระ
-โพลของซีเอ็นเอ็น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60 มองว่า นายไบเดน ทำได้ดีกว่าผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบัน ซึ่งได้คะแนนสนับสนุนร้อยละ 28
ฝรั่งเศส เร่งตรวจสอบ! เสียงโซนิคบูมของเครื่องบินขับไล่ ทำให้คนแตกตื่น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวกรุงปารีส ฝรั่งเศส เพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์ตื่นตระหนกเมื่อมีผู้ไม่หวังดีขู่วางระเบิดหอไอเฟล ทำให้เจ้าหน้าที่ สั่งอพยพนักท่องเที่ยวและปิดกั้นบริเวณโดยรอบ แต่หลังจากที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นหอไอเฟล ก็ไม่พบวัตถุระเบิด และเปิดให้บริการตามปกติ
ล่าสุด เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดกลางกรุงปารีส ผู้เห็นเหตุการณ์ รายงานว่าอาคารที่เขาอยู่เกิดการสั่นสะเทือน ส่วนคนที่อยู่ชานกรุงปารีส ต่างก็รายงานว่าได้ยินเสียงระเบิด ไม่มีการรายงานการเกิดเพลิงไหม้ หรือควันพวยพุ่งในสถานที่ใดๆในกรุงปารีส
สำนักงานตำรวจปารีส ระบุในทวิตเตอร์ ชี้แจงว่า เสียงที่ได้ยินเกิดจากเสียงของเครื่องบินขับไล่ของกองทัพฝรั่งเศส บินด้วยความเร็วสูงจนทะลุกำแพงเสียงจนเป็นเหตุให้เกิดเสียงดังกล่าว เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เกิดจากเหตุระเบิด ดังนั้นประชาชนกรุณางดการใช้โทรศัพท์สายด่วนแจ้งตำรวจ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนว่าเหตุใดเครื่องบินขับไล่ลำดังกล่าวจึงได้บินด้วยความเร็วสูงและในระดับต่ำเหนือกรุงปารีส