ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 30 กันยายน 2563

30 กันยายน 2563, 18:43น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 30 กันยายน 2563



ว่าที่ เลขาฯ สมช. เสนอตั้ง ศปก.ศบค.ประสานเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ



      พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก และว่าที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งใช้เวลากว่า 30 นาที

          จากนั้นพล.อ.ณัฐพล เปิดเผยว่า การเข้าพูดคุยเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับระเบียบและข้อกฎหมายในการทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งตนมีหน้าที่รับผิดชอบ ในฐานะรองประธานกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิค-19 เพื่อให้การทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะหลังจากที่ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการสมช.จึงอยากให้การทำงานต่างๆ เดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้นตนจะเสนอนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศบค. ลงนามตั้งศูนย์ปฏิบัติการศบค. หรือ ศปก.ศบค. ซึ่งคาดว่าจะมีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้



          โดยพล.อ.ณัฐพล จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ขับเคลื่อนงานของคณะกรรมการเฉพาะกิจฯที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ และหน้าที่ใหม่ที่ได้รับมอบหมายให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่สะดุดในระหว่างเปลี่ยนผ่านนี้ รวมถึงขับเคลื่อนนโยบายที่ ศบค.ดูแลด้านสาธารณสุขให้ควบคู่กับ ศบศ.ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวกับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่ต้องเร่งฟื้นฟูให้ไปพร้อมกันได้ โดยโครงสร้างของศูนย์ปฏิบัติการนี้จะเป็นการบูรณาการการทำงานของคณะกรรมการเฉพาะกิจทั้งหมดและจะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวัน



วิชา เสนอนายกฯ พรุ่งนี้ ถอนร่างปฏิรูปตำรวจที่ครม.เพิ่งอนุมัติ



          หลังการประชุมนัดสุดท้ายเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงปฏิรูปกฎหมาย นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน  เปิดเผยว่า  ในวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) เวลา 14.00 น.จะเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อนำบทสรุป 4-5 หน้า จากเนื้อหาฉบับเต็มในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทั้งหมดรวม 40-50 หน้า เสนอนายกรัฐมนตรี



          โดยร่างกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ ที่จะให้นายกรัฐมนตรี นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร่งด่วน คือ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และ กฎหมายเกี่ยวกับการสอบสวนคดีอาญา โดยจะให้ทบทวน และถอนร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ ที่คณะรัฐมนตรี เห็นชอบไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วให้กลับมาใช้ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับเดิม ที่เสนอโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ คณะกรรมการกฤษฎีกา ชุดพิเศษ เนื่องจากเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญ และมีหลายส่วนทำให้เจตนารมณ์ของกฎหมายเปลี่ยนไป เช่น ต้องการให้ตำรวจฝ่ายสอบสวน ต้องทำงานด้วยความเป็นอิสระไม่ถูกครอบงำ  รวมทั้งหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้าย



          นายวิชา ย้ำว่า การให้ถอนร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีรับหลักการไปแล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะปกติร่างพระราชบัญญัติใด ถ้าคณะรัฐมนตรีรับหลักการแล้ว จะไม่ค่อยเปลี่ยน แต่คณะกรรมการฯ ก็ขอยืนยันอย่างเด็ดขาดว่าสมควรนำร่างพระราชบัญญัติของนายมีชัย ซึ่งถือว่าดีที่สุดในกฎหมายของตำรวจมาพิจารณา เพราะข้อแตกต่าง เรื่องการแต่งตั้งและเลื่อนตำแหน่งของทางตำรวจจากเดิมต้องเป็นไปตามหลักอาวุโส และความรู้ความสามารถ แต่ปรากฏว่าได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยชุดที่ตำรวจนำไปปรับปรุงว่าเป็นไปตามอาวุโสตามลำดับชั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และเรื่องสายงานสอบสวน ซึ่งเราต้องการให้เป็นอิสระ ซึ่งชุดของนายมีชัยร่างให้เป็นอิสระจริงๆ มีผู้บัญชาการได้สอบสวนดูแลคนเดียว แต่อันนี้ให้ขึ้นกับผู้กำกับทุกสน.ซึ่งไม่สอดคล้องและไม่สอดรับกัน แค่สองเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ทั้งหมดเป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจและว่าไม่ว่าร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใดจะเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร  คณะกรรมการฯจะเดินหน้าชี้แจงประชาชนต่อเจตนารมณ์ในการปฏิรูปตำรวจต่อไป



ธปท.เตือนล็อกดาวน์ประเทศไทยอีกรอบ กระทบเศรษฐกิจทรุดติดลบยาว



          สภาพเศรษฐกิจไทย ยังคงทรุดตัวต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวติดลบประมาณ ร้อยละ 8.5  และจะยังติดลบอยู่จนถึงไตรมาส 1/2564 ก่อนจะฟื้นตัวชัดเจนไตรมาส 2/2564 เนื่องจากไตรมาส 2/2563 เศรษฐกิจหดตัวแรงมาก แต่หากมีการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้งเศรษฐกิจจะติดลบต่อไปอีก



          สำหรับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ นายดอน เชื่อว่า จะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจปีนี้ เนื่องจากเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่เกิน 1,200 คน/เดือน จากปกติอยู่ที่ 3 ล้านคน/เดือน จึงถือว่าเป็นการใช้จ่ายน้อยมาก แต่ก็เป็นการจัดการของรัฐบาลทีละขั้นตอน ซึ่งจะเป็นการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป



'หนี้ครัวเรือน'แตะระดับสูงที่สุดในรอบ 18ปี



          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือน หรือ “หนี้ครัวเรือน” ล่าสุดในไตรมาส 2/2563 จากธปท. สะท้อนว่ายอดคงค้างหนี้ครัวเรือนของไทยยังคงขยับขึ้นสวนทางเศรษฐกิจที่หดตัวจากผลของโควิด-19 ซึ่งส่งผลทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนของไทยเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปีครั้งใหม่ที่ร้อยละ83.8 ต่อจีดีพี นับเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 18 ปีและสูงขึ้นต่อเนื่องจากในไตรมาส 1/2563 สะท้อนภาพ 2 ด้านซึ่งแตกต่างกัน ในขณะที่ประชาชนและครัวเรือนบางกลุ่มก่อหนี้เพิ่มขึ้น แต่ประชาชนและครัวเรือนอีกหลายกลุ่มต้องรับมือกับปัญหาขาดสภาพคล่องและต้องการมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน



-กลุ่มแรก คือ กลุ่มครัวเรือนที่ยังพอมีกำลังซื้อ (รายได้ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังมีความสามารถในการชำระหนี้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน) มีการก่อหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย สะท้อนจากสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ที่เพิ่มขึ้นราว 1.42 แสนล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2563 (สูงกว่ายอดปล่อยใหม่ในไตรมาสแรกที่ 1.38 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ผลักดันแคมเปญออกมาเพื่อจูงใจการตัดสินใจของลูกค้า



-ส่วนกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มครัวเรือนที่เผชิญปัญหาการขาดสภาพคล่องจากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งสะท้อนผ่านข้อมูลลูกหนี้รายย่อยที่รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะมาตรการระยะแรกที่มีการพักชำระหนี้และลดภาระผ่อนต่อเดือน ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะยังคงเป็นหนึ่งในมาตรวัดที่สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย ประเด็นการมีงานทำและรายได้ของครัวเรือนจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดคุณภาพของหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะความสามารถในการชำระหนี้



หุ้นไทยร่วง 20 จุด



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,237.04 จุด ลดลง 20.30 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,983.70 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคหลังจบการดีเบตของผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว ซึ่งผลที่ออกมาก็มองว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่ส่วนตลาดบ้านเรายังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคมก็มองว่าตลาดจะมีความผันผวนมากจากปัจจัยการเมืองที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และยิ่งเข้าใกล้ฤดูหนาวก็เป็นตัวเร่งที่จะทำให้เกิดการระบาดได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งคาดว่าจะกดดันไป 1-2 ไตรมาส อย่างไรก็ดีช่วงนี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญที่จะทยอยออกมา



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ โดยนักลงทุนเทขายหุ้น หลังการดีเบตรอบแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และนายโจ ไบเดน ได้ปิดฉากลงด้วยความปั่นป่วน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์กังวลกับกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศกลางเวทีดีเบตว่า เขาจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 23,185.12 จุด ลดลง 353.98 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวขึ้น หลังจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคบริการและภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งในเดือนก.ย. ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 23,459.05 จุด เพิ่มขึ้น 183.52 จุด นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ



ไล่ออกผู้บริหาร สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์



          การทำร้ายร่างกายนักเรียนนายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสารสาสน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหารได้ดำเนินการไล่ออกผู้บริหารของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์แล้ว เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนเหตุการณ์บานปลายเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งถือว่าคณะผู้บริหารดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ



          สำหรับเรื่องการเยียวยา ยืนยันว่าพร้อมแก้ปัญหาเต็มที่ โดยจะยกเว้นค่าเทอมเทอมปัจจุบัน ให้กับนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ทั้งหมด ส่วนการเยียวยาส่วนอื่นๆ คงต้องดูตามความเป็นจริง แต่หากจะให้ถึงขั้นปิดโรงเรียน ตนเองมองว่าเกินไป เพราะเด็กอีกกว่า 3,000 คนจะอยู่อย่างไร และส่วนตัวก็ไม่เข้าใจที่ผู้ปกครองไม่โทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนผ่านส่วนกลางโดยตรง แต่กลับเรียกสื่อจำนวนมากเข้ามาร่วมฟังการชี้แจง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ



          ส่วนเรื่องการเรียกความเชื่อมั่นของโรงเรียนสารสาสน์ หลังจากนี้ นายพิบูลย์ บอกว่า ไม่จำเป็น เพราะที่ผ่านมาทำดีมาตลอด เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยครูเพียงไม่กี่คนไม่สามารถทำลายชื่อเสียงที่โรงเรียนสั่งสมมาได้



 นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเลี่ยงใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ



          นางอังเกลา แมร์เคิล กล่าวว่า ไม่มีใครต้องการให้ประเทศเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์และทุกคนก็สามารถร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ และว่าตอนนี้ชาวเยอรมันรู้ดีว่าต้องทำตัวอย่างไรในการป้องกันตัวเองและระบบสาธารณสุข หลังได้รับบทเรียนจากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในเดือนมีนาคม นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีและมุขมนตรี 16 รัฐ ยังมีมติเห็นชอบร่วมกันในการใช้มาตรการจำกัดการรวมตัวของประชาชนและการปรับเงินผู้ ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการตามรอยโรคเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว สถาบันโรแบร์ท ค็อกหรืออาร์เคไอ หน่วยงานควบคุมโรคของเยอรมนีรายงานวันนี้ว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 2,089 คน ผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 287,421 คน  และผู้เสียชีวิต 9,471 ราย



ศาลฮ่องกง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว'โจชัว หว่อง' หลังถูกจับจากคดีชุมนุมประท้วงเมื่อปีที่แล้ว



           ศาลฮ่องกง อนุญาตให้นายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยวัย 23 ปี ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลังการยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อศาลในวันนี้ หลังถูกแจ้งข้อหากระทำความผิดฐานเข้าร่วมการประท้วงที่ผิดกฎหมายเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และฐานละเมิดกฎหมายห้ามสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าระหว่างการประท้วง ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้ในปีที่แล้วเพื่อให้ตำรวจทราบตัวผู้ประท้วงหรือผู้ต้องสงสัยกระทำผิดกฎหมายระหว่างการประท้วง

        นายหว่องและนักเคลื่อนไหวอีกหลายคนถูกจับกุมเมื่อวันที่ 24 กันยายน ในความผิดฐานเข้าร่วมการประท้วงเมื่อปีที่แล้ว ทำให้รัฐบาลจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติสำหรับฮ่องกงที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน



          ด้านนายหว่อง ยังไม่หมดกำลังใจ กล่าวกับนักข่าวที่ด้านนอกของที่ทำการศาลว่า พวกเขาต้องการจะส่งข้อความไปถึงคนทั่วโลกว่า แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับกุม ถูกดำเนินคดีหรือถูกขังในเรือนจำ ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะยอมแพ้ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับฮ่องกง สำหรับคดีนี้ศาลได้นัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ 



โซนิคบูม จากเครื่องบินขับไล่ ทำให้ชาวปารีส ตื่นตระหนก



          ตำรวจฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ระบุว่า เสียงดังคล้ายระเบิดที่สร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชนในกรุงปารีสเกิดจากเสียงโซนิคบูมของเครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งของกองทัพอากาศที่ได้บินด้วยความเร็วสูงจนทะลุกำแพงเสียง จนเป็นเหตุให้เกิดเสียงดังกล่าว โดยเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เกิดจากเหตุระเบิด สำนักงานตำรวจปารีส ระบุในทวิตเตอร์ระบุว่า เสียงที่ได้ยินในกรุงปารีสและชานเมืองไม่ได้เกิดจากระเบิด แต่เกิดจากการที่เครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งได้บินด้วยความเร็วสูงจนทะลุกำแพงเสียง ดังนั้นประชาชนกรุณางดการใช้โทรศัพท์สายด่วนแจ้งตำรวจ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนว่าเหตุใดเครื่องบินขับไล่ลำดังกล่าวจึงได้บินด้วยความเร็วสูง และในระดับต่ำเหนือกรุงปารีส



ปรับหนัก! จีนเตือนนักท่องเที่ยว ฝ่าฝืนปีนกำแพงเมืองจีน ที่ยังบูรณะไม่เสร็จ ในช่วงเทศกาลวันชาติ



          นายยู ฮันควน ผอ.สำนักงานบริหารมรดกวัฒนธรรมของประจำเขตหยางฉิง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เตือนนักท่องเที่ยวว่า พวกเขาจะถูกปรับระหว่าง 200 หยวนถึง 30,000 หยวน ( หรือระหว่าง 930 บาท ถึง 139,580 บาท) หากฝ่าฝืนปีนกำแพงเมืองจีนโบราณ ในส่วนที่ยังบูรณะไม่เสร็จ ซึ่งโดยปกติจะเป็นพื้นที่ปิด ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยว ในช่วงวันหยุดยาว 8 วัน เนื่องในวันชาติจีน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวในประเทศหลายล้านคนเดินทางไปเที่ยวชมกำแพงเมืองจีน  ทางการจีนคาดว่า หลังการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาหลายเดือน จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้อาจจะมากกว่าทุกปี ส่วนเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดูเหมือนว่าทางการจีนควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว พร้อมทั้งยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ

ข่าวทั้งหมด

X