ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพุธที่ 30 กันยายน 2563

30 กันยายน 2563, 07:50น.


โรงแรม 9 แห่ง –รพ.3 แห่ง จ.ภูเก็ต พร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน นำร่องกลุ่มแรก




          หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมมาตรการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัด รอกฎกระทรวงมหาดไทย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่า จะทันตามกำหนดที่นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจากเมืองกว่างโจว จากจีน 150 คน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในวันที่ 8 ต.ค. เป็นกลุ่มที่เดินทางมาเป็นนักท่องเที่ยวลองสเตย์ เข้ามาโดยเช่าเหมาลำ 1-3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เที่ยวบินละ 100 คน ดังนั้น 1 เดือน จะเดินทางมา 1,200 คน จะมีโรงแรมรองรับได้ 1 เดือน คือ 2,400 ห้อง ที่ผ่านการประเมินแล้ว 1,222 ห้อง จะรับได้ 15 วัน และกลุ่มนี้จะเดินทางเข้ามาในวันที่ 25 ต.ค.เพิ่มอีก 126 คน กับสายการบินไทยสมายล์ และวันที่ 1 พ.ย. เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และเชงเก้น จำนวน 120 คน เดินทางมากับสายการบินไทยลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ



นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ  



-กลุ่มที่เข้ามาอันดับแรกเมื่อเข้ามาแล้วจะต้องตรวจหาเชื้อที่สนามบิน กรมควบคุมโรค ติดตั้งเครื่องตรวจหาเชื้อประจำที่สนามบินจำนวน 2 ชุด รองรับได้ประมาณวันละ 96 คน ซึ่งมีการทดสอบระบบเมื่อวันที่ 28 ก.ย.โดยจะมีการฝึกซ้อมขั้นตอนกระบวนการเก็บสิ่งส่งตรวจ วันที่ 30 ก.ย.และในวันที่ 2 ต.ค.โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะประเมินรับรองห้อง lab ตรวจเชื้อโควิด-19 ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต



-หลังผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่กักตัวนำไปยังอาคารเอ็กซ์เทอร์มินอล ภายในท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อตรวจหาเชื้อและเก็บสารคัดหลั่งส่งตรวจภายใน 30 นาที ก่อนเดินทางไปโรงแรมที่กักตัว ALSQ และติดตั้งแอปพลิเคชั่น AOT ของสนามบินภูเก็ต และแอปพลิเคชั่น TESTING สำหรับติดตามตัว หลังผ่านการกักตัว 14 วัน นักท่องเที่ยวสามารถย้ายไปสถานที่พักแห่งอื่นได้ใน จ.ภูเก็ต เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน หากมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น จะมีคณะกรรมการกำกับดูแลตามจุดต่างๆ อยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) เช่น ท่าเรือ ท่ารถ ท่าอากาศยาน สามารถแจ้งเพื่อส่งตรวจหาเชื้อทันที ถ้าหากตรวจพบเชื้อต้องส่งโรงพยาบาล



           นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึง โรงแรมที่สมัครเข้ารับการประเมิน ALSQ จำนวน 73 แห่ง กว่า 5,800 ห้อง โรงแรมที่ผ่านการประเมินและอนุมัติผ่านแล้วทั้งหมด 9 แห่ง จำนวน 1,222 ห้อง ได้แก่ 1.โรงแรมอนันตราไม้ขาวภูเก็ตวิลล่า 2.โรงแรมตรีสรา ต.เชิงทะเล 3.โรงแรมเมธาดีรีสอร์ทแอนด์วิลล่า ต.กะรน 4.โรงแรมเกรซแลนด์ รีสอร์ทแอนด์สปา ต.ป่าตอง 5.โรงแรมอนันตราภูเก็ตสวีทส์แอนด์วิลล่าไม้ขาว 6.โรงแรมบันยันทรีภูเก็ต 7.ลากูน่า ฮอลิเดย์ คลับภูเก็ต รีสอร์ท 8.เจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์สปา และ 9.เดอะเซนส์เซส รีสอร์ท แอนด์ พูลวิลล่า ซึ่งเป็นโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาว จนถึง 5 ดาว โดยจังหวัดมีเป้าหมายของจำนวนห้องพักกว่า 5,000 ห้อง ยังเหลือโรงแรมจากการประเมินอีก 64 แห่ง




           สำหรับโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาหลักกับโรงแรม ALSQ คือ 1.โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต 2.โรงพยาบาลสิริโรจน์ ล่าสุดโรงพยาบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ขอเข้าร่วมแต่ติดขัดไม่พร้อมรับผู้ติดเชื้อ ในส่วนนี้โรงพยาบาลถลาง และโรงพยาบาลป่าตอง ยินดีรับผู้ติดเชื้อมาดูแล เนื่องจาก ผู้เดินทางเข้ามามีประกันชีวิต ไม่เป็นภาระกับโรงพยาบาลรัฐ ดังนั้น โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต จึงเป็นโรงพยาบาลหลักเพิ่มมาอีก 1 แห่ง รวมมีโรงพยาบาลทั้งหมด 3 แห่ง ที่จะต้อง MOU กับโรงแรม ALSQ       



ตร.ขอนแก่น ขออายัดตัว โจรปล้นทอง โลตัสวังหิน ดำเนินคดีต่อ




           หลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงรายละเอียดการจับกุมดำเนินคดี นายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมป์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทอง ร้านทองในห้างโลตัส ย่านวังหิน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ที่ จ.เลยและนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาที่กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสารีกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า นายชัยมงคล เป็นผู้ต้องหาที่เคยร่วมก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองแม่ทองพูล สาขาบิ๊กซีขอนแก่น เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2562 โดยได้ทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 431 บาท มูลค่า 7,000,000 บาท หลังก่อเหตุ นายชัยมงคล ได้หลบหนีข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว ส่วนเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุถูกจับกุมไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ทั้งหมด 3 คน พ.ต.อ.ปรีชา ได้ประสานงานเพื่อจะขออายัดตัวนายชัยมงคล มาดำเนินคดีที่เคยก่อเหตุไว้ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพราะมีหมายจับอยู่แล้ว



         การก่อเหตุครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ 27 ก.ย.ที่ร้านทอง ย่านโลตัส วังหิน นายชัยมงคล หลบหนีไปที่ จ.เลย เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ขณะพยายามหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อนบ้านตามเส้นทางธรรมชาติ นอกจากนี้ตำรวจยังจับกุม นางจันดา จั่นสุข อายุ 24 ปี ภรรยาชาวลาว พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำ 3 เส้น จับกุมได้ที่ด่านชายแดน จ.หนองคาย สอบสวน นายชัยมงคล รับสารภาพ อ้างว่าของกลางไปฝากเพื่อนที่อยู่ จ.นครปฐม  เก็บไว้ ชุดสืบสวนจึงขยายผลไปจับกุม นายสุริยันต์ นิลบรรพต อายุ 37 ปี เพื่อนนายชัยมงคล ได้ที่โรงงานแห่งหนึ่ง ใน อ.สามพราน จ.นครปฐม พร้อมของกลาง ทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง



ตร.ปราบปรามยาเสพติด จับผู้สั่งการ เจ๊อ้อย กัญชาเดลิเวอรี่ พร้อมยึดทรัพย์กว่า 7,000,000



           พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดหลายคดี พร้อมยึดของกลางยาบ้า 2,004,000 เม็ด ไอซ์ 23.5 กิโลกรัม ยาอีหรือเอ็กซ์ตาซี่ 57,160 เม็ด เคตามีน 20 กิโลกรัม และยึดทรัพย์สินได้รวมมูลค่ากว่า 19 ล้านบาท



          พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 กล่าวถึง  คดีแรกว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.อทิตยา หรืออ้อย กิ่งมาลา อายุ 36 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 406/2563 ในข้อหาร่วมกันครอบครองกัญชาไว้ขายโดยผิดกฎหมายจับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมันริมถนนเลี่ยงเมืองแยกคำน้ำแซบ มุ่งหน้าเข้าเมืองอุบลราชธานี หลังจาก บก.ปส.2 สืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนกัญชาจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าประเทศเพื่อส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ในช่วง 1 ปี ได้จับกุมเครือข่ายนี้ 5 ครั้ง กัญชา 1,500 กิโลกรัม จนล่าสุดสืบสาวถึงผู้สั่งการคือเจ๊อ้อย กัญชาเดลิเวอรี่  รวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ พร้อมยึดทรัพย์สินเป็นบ้าน 1 หลัง รถยนต์ 5 คัน รวมค่ากว่า 7,000,000 บาท ก่อนติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายที่เหลือต่อไป



          นอกจากนี้ บก.ปส.3 ยังตรวจยึดพัสดุจากประเทศเยอรมนี ต้องสงสัยเป็นยาเสพติดได้ที่จุดคัดแยกไปรษณีย์ เขตปทุมวัน พบเป็นถุงบรรจุกาแฟและขนม ซุกซ่อนยาอีกว่า 50,000 เม็ด จึงยึดไว้สืบหาตัวผู้ส่งหรือรับพัสดุนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการจับกุมที่ผ่านมาพบว่าคนร้ายมักซุกซ่อนพัสดุใส่ถุงชา แต่ระยะหลัง เริ่มเปลี่ยนเป็นถุงอื่นๆ และถุงเวย์โปรตีน รวมถึงการผ่าก้อนสบู่ซุกซ่อนเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่



          ด้าน พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  พบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดเปลี่ยนพฤติกรรมไปขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเมื่อเดือนก.ย.พบว่า มีการลักลอบส่งออกและนำเข้ายาเสพติดมากพอสมควร ตลอด 2 ปีที่แล้ว ตำรวจ ปส.ได้รับความร่วมมือในการบูรณาการกำลังปราบปรามยาเสพติดร่วมกันหลายหน่วย มีการติดตามจับกุมและยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาคดีเก่า




          พล.ต.ท.วิสนุ กล่าวว่า ตำรวจวางมาตรการด้านความร่วมมือกับผู้ประกอบการรับส่งพัสดุโดยให้ตรวจสอบบัตรประชาชน ถ่ายรูปให้เห็นหน้าชัดเจน ต้องระบุชื่อผู้รับส่งชัดเจนและให้ช่วยกันสอดส่องใครที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย



 




 




 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X