นักลงทุนจับตาศึกดีเบตเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ-ทองปิดตลาดพุ่ง 20 ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อวันอังคารติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน นักลงทุนถอนเงินออกจากตลาด ไม่กี่ชั่วโมงก่อนศึกดีเบตครั้งแรกระหว่างคู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเริ่มต้นขึ้น
-ดาวโจนส์ ลดลง 131.40 จุด หรือร้อยละ 0.48 ปิดที่ 27,584.06 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 16.13 จุด หรือร้อยละ 0.48 ปิดที่ 3,335.47 จุด
-แนสแดค ลดลง 32.28 จุด หรือร้อยละ 0.29 ปิดที่ 11,085.25 จุด
นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบแรกระหว่างคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต นักวิเคราะห์ เตือนว่าในสัปดาห์นี้ การซื้อขายในตลาดหุ้นจะมีความผันผวน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการดีเบต หากนายทรัมป์ชนะการดีเบต ก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มเชื้อเพลิงฟอสซิลและบริษัทผลิตอาวุธดีดตัวขึ้น แต่หากนายไบเดนเป็นฝ่ายชนะ ก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มที่มีการค้าทั่วโลกและกลุ่มพลังงานหมุนเวียนดีดตัว ผลสำรวจโพลล่าสุดนายไบเดน มีคะแนนนิยมนำหน้าในระดับประเทศและในหลายรัฐ
ส่วนราคาทองคำ กลับมาเปิดเหนือ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้ง สูงสุดในรอบสัปดาห์ หลังจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 20.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,903.20 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.31 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 39.29 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 41.03 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนงวดส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลงร้อยละ 3.1 ปิดที่ 41.56 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
‘ไบเดน’ยังมีคะแนนนำ ‘ทรัมป์’ ก่อนดีเบตครั้งแรก
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พ.ย. จัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ไม่ปกติ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยืนยันว่าการดีเบตหรือการอภิปรายประชันนโยบายระหว่างผู้สมัครทั้ง 2 พรรค จะจัดขึ้นตามแบบแผนประเพณีเดิม คือมีด้วยกัน 3 เวที และจะจัดอีก 1 ครั้งสำหรับดีเบตคู่ชิงรองประธานาธิบดี
การดีเบตคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ นัดแรกวันนี้เวลา 21.00 น. ตามเวลาในสหรัฐฯ หรือตรงกับเช้าวันพุธ เวลา 08.00 น. ตามเวลาไทย สถานที่จัดงานคือมหาวิทยาลัย เคส เวสเทิร์น รีเซิร์ฟ ในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ โดยจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกผ่านสถานีโทรทัศน์ CNN ใช้เวลา 90 นาที และผู้ดำเนินรายการ คือ คริส วอลเลส จากฟอกซ์ นิวส์
การอภิปรายจะจัดขึ้นในรูปแบบการแสดงวิสัยทัศน์ผ่านการตอบคำถามจากผู้ดำเนินรายการใน 6 หัวข้อ ได้แก่ ประวัติของผู้ท้าชิงสองฝ่าย ศาลสูงสุด โรคโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ เชื้อชาติและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองต่างๆ รวมถึงความสุจริตซื่อตรงของการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ สำหรับคำถามแต่ละข้อ ใช้เวลารวมไม่เกิน 15 นาที ผู้สมัครแต่ละคนจะมีเวลาตอบคนละ 2 นาที และมีโอกาสที่จะใช้สิทธิ์ชี้แจงหรือกล่าวเพิ่มเติมจากฝ่ายตรงข้ามได้
การพบกันครั้งแรกผู้อภิปรายทั้งสองคนจะไม่มีการจับมือทักทายกันก่อนการเริ่มรายการตามธรรมเนียมปฏิบัติ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วว่านายทรัมป์จะใช้โพเดียมที่ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของเวที ส่วนนายไบเดน จะใช้โพเดียมทางฝั่งซ้าย ขณะที่ผู้เข้าชมการอภิปรายเดิมเคยมีถึง 900-1,200 คน ในปีนี้จะถูกจำกัดเหลือเพียง 60-70 คน และทุกคนจะต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ
นายไบเดน มีประสบการณ์อภิปรายกับคู่แข่งแบบตัวต่อตัวมาแล้วหลายครั้ง หากในครั้งนี้เขาทำออกมาได้ดีก็จะมีคะแนนนำนายทรัมป์ ก่อนหน้านี้คนใกล้ชิด เปิดเผยว่า นายไบเดน ซ้อมอย่างหนัก ทั้งในส่วนของการพูดเรียบเรียงเนื้อหาและอ่านข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการอภิปราย โดยเชื่อว่านายไบเดน จะมีข้อได้เปรียบเหนือนายทรัมป์ในประเด็นเศรษฐกิจ และการจัดการโควิด-19 เนื่องจากตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตของสหรัฐฯยังพุ่งขึ้นไม่หยุด
ขณะที่นายทรัมป์ เปิดเผยว่า เขาไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเพราะการอภิปรายเทียบไม่ได้เลยกับการทำงานบริหารประเทศที่เขาทำอยู่ทุกวัน ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ บอกว่า เขาไม่รับปากว่าการถ่ายโอนอำนาจดำเนินไปอย่างราบรื่น หากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ ล่าสุด ยังมีการเปิดเผยข้อมูลจากสื่อใหญ่ว่านาย ทรัมป์แทบไม่ได้เสียภาษีเลยในช่วง 10 ปี จาก 15 ปีที่ผ่านมา อาจเป็นประเด็นที่ถูกนายไบเดนหยิบยกขึ้นมาโจมตีได้
สำหรับสถิติในการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา นีลเซน เปิดเผยข้อมูลเรตติ้งทีวีในการอภิปรายนัดแรกระหว่างนายทรัมป์ กับนางฮิลลารี คลินตัน เมื่อปี 2559 มีผู้ชมมากถึง 84 ล้านคน สูงสุดทำลายสถิติการอภิปรายระหว่างนายโรนัลด์ เรแกน กับนายจิมมี่ คาร์เตอร์ เมื่อปี 2523 ที่มีคนดู 80 ล้านคน
การอภิปรายครั้งต่อไปจะเป็นของคู่ชิงรองประธานาธิบดีระหว่างนายไมค์ เพนซ์ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส วุฒิสภาพรรคเดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 7 ต.ค.ตามด้วยการอภิปรายของคู่ชิงประธานาธิบดีครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 ต.ค. และครั้งสุดท้ายในวันที่ 22 ต.ค.
เกาหลีใต้ พบว่า ผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 มีอาการข้างเคียง
ผลการศึกษาขั้นต้นในเกาหลีใต้ พบว่า ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่หายป่วยแล้ว 9 คน ใน 10 คน มีอาการข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย เสียการรับกลิ่นหรือรส เจ้าหน้าที่สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี แถลงว่า ผลการสำรวจออนไลน์กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หายป่วยแล้ว 965 คน มี 879 คน หรือร้อยละ 91.1 ตอบว่า มีอาการข้างเคียงอย่างน้อย 1 อย่าง อาการข้างเคียงที่พบมากที่สุดคืออ่อนเพลีย ร้อยละ 26.2 ไม่มีสมาธิ ร้อยละ 24.6 อาการข้างเคียงอื่น ๆ เช่น อาการทางจิตใจหรือจิตวิทยา เสียการรับกลิ่นหรือรส
ในปีหน้า เจ้าหน้าที่กำลังศึกษาร่วมกับองค์กรทางการแพทย์ 16 แห่งเรื่องอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นการวิเคราะห์อย่างละเอียดด้วยการใช้เครื่องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกนกับผู้ป่วยที่หายแล้ว
ป่วน! พนักงานลูกจ้างขนส่งสาธารณะ ประท้วงทั่วประเทศ
การเดินทางสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะติดขัดทั่วเยอรมนี เมื่อพนักงานลูกจ้างพร้อมใจกันผละงานประท้วง ตามเสียงเรียกร้องจากต้นสังกัดสหภาพแรงงานแวร์ดี เพื่อสร้างแรงกดดันต่อนายจ้าง ให้ยอมตกลงตามเงื่อนไขของพนักงานลูกจ้าง เจ้าหน้าที่การขนส่งกรุงเบอร์ลิน เปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่า แทบไม่มีรถโดยสารประจำทาง รถไฟใต้ดิน และรถราง ออกวิ่งให้บริการ
สหภาพแรงงานแวร์ดี เรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงแบบครอบคลุม สำหรับพนักงานขนส่งสาธารณะในสังกัดทั่วประเทศ ประมาณ 87,000 คน รวมถึงการจ่ายเงินโบนัสและเงื่อนไขวันหยุด
นางคริสติน เบล รองประธานสหภาพแรงงานแวร์ดี กล่าวว่า องค์การนายจ้างเทศบาล (วีเคเอ) ตัวแทนนายจ้างกิจการขนส่งสาธารณะ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจา การประท้วงเตือน (warning strikes) ในเยอรมนี หมายถึงพนักงานพร้อมใจกันผละงานประท้วงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งสหภาพแรงงานมักใช้นำร่อง เมื่อเกิดกรณีพิพาทแรงงานกับนายจ้าง ก่อนการประท้วงใหญ่และยาวนาน หากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนองเป็นที่น่าพอใจ
ตำรวจฮ่องกง ห้ามชุมนุม เฝ้าระวังม็อบวันชาติจีน 1 ต.ค.
สำนักงานตำรวจฮ่องกง ประกาศห้ามการจัดกิจกรรมทางการเมืองในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันชาติจีน โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แต่ยอมรับว่า เป็นไปได้น้อยมาก ที่จะไม่มีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมการประท้วงอย่างน้อย 3,000 คน สถานการณ์ประท้วงทางการเมืองในฮ่องกงห่างหายไปนานหลายเดือนเมื่อช่วงต้นปีนี้ เหตุจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก่อนกลับมาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่คืนวันที่ 30 มิ.ย.ตั้งแต่รัฐบาลจีน บัญญัติกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติและบังคับใช้กับฮ่องกงที่เดียว
นอกจากนี้ ฝ่ายค้านและแนวร่วมผู้ประท้วงกำลังเดินหน้าเรียกร้องให้จีน เปิดเผยชะตากรรมของชาวฮ่องกง 12 คน แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง ที่พยายามโดยสารเรือเร็วไปไต้หวัน เมื่อสิ้นเดือนส.ค.แต่หน่วยยามฝั่งของจีนสกัดจับได้บริเวณนอกชายฝั่งเมืองเซินเจิ้น และหลังจากนั้นไม่มีการเปิดเผยชีวิตความเป็นอยู่ของทั้ง 12 คนอีกเลย นอกเหนือจากการถูกดำเนินคดีฐานลักลอบข้ามพรมแดน
เสียชีวิต 5 ราย! โรงงานเคมีใกล้อู่ฮั่น ระเบิดสนั่นควันสีเหลืองลอยฟุ้ง
เว็บไซต์ เดลี่เมล เผยแพร่นาทีสุดระทึก โรงงานเคมีแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมที่เมืองเทียนเหมิน ใกล้กับเมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เกิดระเบิดอย่างรุนแรง จนเห็นกลุ่มควันสีเหลืองหนาทึบลอยฟุ้งตลบอบอวลเหนือโรงงานอย่างน่ากลัว ขณะที่ทีมกู้ภัย พยายามลำเลียงนำผู้บาดเจ็บออกมาจากโรงงานเคมีแห่งนี้ หลังเกิดการระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และบาดเจ็บ 1 คน
ควันสีเหลืองที่ลอยฟุ้งออกมาจากโรงงาน อาจเป็นการรั่วไหลของกรดไนตริก ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการมณฑลหูเป่ย แจ้งว่า โรงงานเคมีแห่งนี้เป็นของบริษัท Tianmen Chutian Fine Chemicals ซึ่งผลิตสารเคมี intermediates (ตัวกลาง) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยา
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเม.ย.โรงงานเคมีแห่งนี้ถูกทางการสั่งปรับเงิน เนื่องจากถูกตรวจพบว่าทิ้งของเสียจากโรงงานอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากแก๊สที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานทำให้เกิดการระคายเคือง