การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.จะมีการหารือกัน 2 เรื่อง โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือ Special Tourist Visa (STV) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยก่อนการประชุมว่า เบื้องต้น สธ.ได้หารือกันแล้วว่ามีความพร้อมที่จะเปิดประเทศรับชาวต่างชาติแบบ STV โดยจะกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา เน้นพิจารณาประเทศที่สถานการณ์โควิด-19 ไม่รุนแรงก่อน ส่วนจะมีการปรับลดวันกักกันตัวจาก 14 วัน เป็น 7 วัน หรือไม่ก็ต้องดูสถานการณ์ของแต่ละประเทศเช่นกันและรอผลการประชุม สำหรับการเปิดประเทศนี้ขอยืนยันว่าไม่มีรูปแบบภูเก็ตโมเดลแล้วแต่จะเป็นไทยแลนด์โมเดล ด้วยการทยอยหาจังหวัดที่มีความพร้อม เพื่อไม่ให้ประชาชนว่าคนภูเก็ตว่าเป็นจังหวัดหนูทดลองยา
ทั้งนี้สาเหตุที่เห็นว่าจะต้องเปิดประเทศ เพราะมั่นใจว่าไทยมีความพร้อมทุกมิติทั้งด้านมาตรการการควบคุมโรค มาตรการป้องกัน และมาตรการการรักษา ขอยืนยันว่าจะพยายามทำให้ประเทศเกิดความปกติสุขที่สุดและจะทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
ส่วนจะมีการต่ออายุพระราชกำหนดการบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องรอดูในที่ประชุมว่ามีการนำเสนอเข้ามาหรือไม่ ซึ่งมีหลายมิติที่ต้องดู และ สธ. เองไม่มีอำนาจสั่งการทหาร ตำรวจ ว่าจะต่ออายุหรือจะยกเลิก ดังนั้นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลต่อเหตุการณ์ที่ฉับพลัน รวดเร็ว และการตัดสินใจที่เด็ดขาด ซึ่งช่วยได้ทั้งสถานการณ์ที่เป็นปกติและเกิดเหตุการณ์เข้ามาและขอย้ำว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อของไวรัส ไม่ใช่เพื่อริดรอนสิทธิ์ อีกทั้งจริงๆแล้วไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่คือ พ.ร.ก.พิเศษฉบับหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยกับประเทศไทย ซึ่งคือเจตนารมณ์ของ พ.ร.ก.ฉบับนี้