เลขาฯสปสช.แก้ปัญหาการย้ายสิทธิบัตรทองที่เขตราษฎร์บูรณะ
หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง กรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยกเลิกสัญญากับโรงพยาบาลและคลินิกที่ทุจริต เนื่องจากตรวจพบการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลผิดปกติ กระทบการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนกว่า 1,000,000 คน ว่าได้รับการยืนยันจาก นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ที่ดูแลโรงพยาบาลเอกชนว่าขณะนี้ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชนที่ติดต่อขอรับประวัติการรักษา
นายอนุทิน กล่าวว่า ตามหลักการเรื่องนี้เป็นความผิดพลาดจากสปสช. ดังนั้น หากเกิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม สปสช.ต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องนำหลักการนี้เข้าสู่ที่ประชุม เพราะประชาชนไม่ได้ผิดอะไร
ล่าสุด นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. พร้อมด้วย นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผู้อำนวยการ สปสช.เขต 13 กทม.ลงพื้นที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ ลงพื้นที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ เพื่อรับเรื่องแจ้งย้ายสิทธิบัตรทองไปยังสถานพยาบาลแห่งใหม่หลังสถานพยาบาลแห่งเดิมที่ชาวบ้านใช้บริการถูกตรวจพบว่าทุจริตทำเอกสารเท็จมาเบิกเงินจากสปสช.นอกจากนี้ จะรับเรื่องไปตรวจสอบกรณีที่ประชาชนร้องเรียนว่าสถานพยาบาลบางแห่งเรียกเก็บค่าขอประวัติ เขตราษฎร์บูรณะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญา 64 คลินิกจำนวนมาก ทำให้แต่ละวันมีประชาชนมาขอลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการจำนวนมากเช่นกัน ประมาณวันละ 400-600 คน โดย สปสช. เขต 13 กทม. ได้จัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับในการดูแลประชาชน
CR:สำนักเลขาธิการฯ สปสช. / สปสช. เขต 13 กทม.
เมียนมา กังวลการติดเชื้อแบบคลัสเตอร์ในเมืองย่างกุ้ง
นพ.ขิ่น ขิ่น ยี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันโรคติดเชื้อของกระทรวงสาธารณสุขเมียนมา หนักใจการระบาดระลอก 2 ที่เริ่มจากวันที่ 16 ส.ค.ว่า สถิติผู้ป่วยภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 92 ของจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งประเทศ ขณะที่ ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศมีเพียงร้อยละ 7 สิ่งที่น่าวิตกกังวลคือช่วงอายุของผู้ป่วยตอนนี้อยู่ที่ระหว่าง 20 ปี ถึง 39 ปีเท่านั้น และส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ขณะที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัวและได้รับเชื้อจากสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิด สถานการณ์การระบาดระลอก 2 ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของคลื่นการระบาดระลอก2 โดยเฉพาะสถานการณ์ในเมืองย่างกุ้งที่แม้อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์แล้ว แต่ยังมีการติดเชื้อแบบคลัสเตอร์จำนวนมาก รัฐบาลขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
เมียนมามีผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 มากเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตสะสมแซงมาเลเซียขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
รัฐกะยา ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงเป็นพื้นที่แห่งเดียวในเมียนมา ที่ไม่มีการรายงานการพบผู้ติดเชื้อ
สำนักงานการบินพลเรือนเมียนมา ประกาศขยายระยะเวลาระงับการเข้าและออกของเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศ อีกอย่างน้อย 1 เดือน คือจนถึงวันที่ 31 ต.ค. นับเป็นครั้งที่ 4 แล้วตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่รัฐบาลเมียนมา ต่อเวลามาตรการดังกล่าว
สหราชอาณาจักร ออกแผนเศรษฐกิจฤดูหนาว จ่ายเงินให้แรงงานเกือบ 3,000,000 คน
มาตรการช่วยเหลือแรงงานของสหราชอาณาจักรเกือบ 3,000,000 คน หรือประมาณร้อยละ 12 ของผู้ใช้แรงงานในระบบที่ทำงานได้ไม่เต็มเวลาในช่วงโควิด -19 นายริชี ซูนัค รมว.กระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร แถลงต่อสภาสามัญเกี่ยวกับมาตรการชุดใหม่เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ทำงานได้ไม่เต็มเวลาว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินเยียวยาในอัตราร้อยละ 22 ของค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 2,500 ปอนด์ หรือราว 100,535.61 บาท มาตรการดังกล่าวจะมีผลอย่างน้อย 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. นี้ แต่ลดลงมากเมื่อเทียบกับอัตราการช่วยเหลือปัจจุบันที่อยู่ที่ร้อยละ 80 และจะหมดอายุในวันที่ 31 ต.ค.
แผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนเศรษฐกิจฤดูหนาว ซึ่งนายซูนัค หวังว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ด้วยการรับผิดชอบค่าตอบแทนส่วนที่เหลือให้กับลูกจ้างและเตือนว่ารัฐบาลพยายามอย่างสุดความสามารถในการรักษาเศรษฐกิจของประเทศ แต่ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมดในระยะยาว ทั้งนี้ มีรายงานว่าบริษัทใหญ่หลายแห่งของสหราชอาณาจักรรวมถึง บริติช แอร์เวย์ส โรลส์-รอยซ์ และมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ เดินหน้าปลดพนักงานเป็นระลอก
กระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมีอย่างน้อย 416,363 คน เพิ่มขึ้น 6,634 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. และเพิ่มขึ้นจากสถิติเมื่อพุธ 456 คน ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมมีอย่างน้อย 41,902 ราย เพิ่มขึ้น 40 ราย เป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. ปัจจุบันสหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในทวีปยุโรป
ชุมนุมผิดกฎหมาย! ตำรวจเมืองหลุยส์วิลล์ ขอให้ผู้ประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้หญิงผิวดำ สลายการชุมนุม
ตำรวจเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี สหรัฐฯ ใช้เครื่องกระจายเสียงออกประกาศว่าการชุมนุมประท้วงในคืนวันพฤหัสบดี (24 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการทำลายทรัพย์สินสาธารณะและร้านค้า จึงขอให้สลายการชุมนุม ขณะที่มีผู้ประท้วงถูกควบคุมตัวเกือบ 130 คนถูกจับกุมในเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น คำตัดสินของคณะลูกขุนที่ไม่ตั้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายในความผิดฐานฆ่าน.ส.บรีออนนา เทย์เลอร์ อายุ 26 ปี เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ มีการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน.ส.เทย์เลอร์
คำสั่งของตำรวจเมืองหลุยส์วิลล์ เกิดขึ้นหลังจากเวลา 21.00 น.ซึ่งถือว่าเข้าสู่ช่วงเวลาเคอร์ฟิว แต่ผู้ประท้วงกลับไปรวมกลุ่มกันที่โบสถ์แห่งหนึ่ง แล้วร้องตะโกนประณามเจ้าหน้าที่ ทั้งยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ละเมิดเคอร์ฟิวเพราะอยู่ภายในอาคารแล้ว
ก่อนหน้านี้ครอบครัวของน.ส.เทย์เลอร์ เรียกร้องให้มีการเปิดเผยหลักฐานที่นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะลูกขุนที่ทำให้คณะลูกขุนมีมติดังกล่าว
กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิง 2 นาย ในระหว่างที่มีการชุมนุมประท้วง เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอายุ 26 ปี เบื้องต้นถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน การทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน และการทำให้เจ้าหน้าที่พนักงานตกอยู่ในอันตราย