ประกาศเคอร์ฟิวที่เมืองหลุยส์วิลล์ สหรัฐฯ จับผู้ประท้วงกว่า 100 คน ปะทะตำรวจปราบจลาจล
สถานการณ์การประท้วงที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี สหรัฐฯ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่คณะลูกขุนศาลสหรัฐฯไม่ตั้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ฐานฆ่าน.ส.บรีออนนา เทย์เลอร์ อายุ 26 ปี ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ และเห็นว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ประท้วงมากกว่า 120 คน ในกลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมยังรวมถึงผู้ต้องสงสัยยิงตำรวจและผู้สื่อข่าว 2 คน
การประท้วงที่เมืองหลุยส์วิลล์ เริ่มต้นขึ้นอย่างสันติแต่กลายเป็นความรุนแรงอย่างรวดเร็ว เมื่อมีผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจลและมีการใช้ระเบิดแสง (flashbang grenades) โดยมีตำรวจถูกยิง 2 นาย
เจ้าหน้าที่ประกาศเคอร์ฟิวที่เมืองหลุยส์วิลล์ตั้งแต่เวลา 21.00 น.ของวันพฤหัสบดี (24 ก.ย.) ต่อเนื่องจนถึงเวลา 18.30 น.ของวันศุกร์ (24 ก.ย.) มีการปิดพื้นที่ใจกลางเมือง ปิดร้านค้าหลายแห่ง เพราะเกรงว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีการประท้วงยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือนต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการที่เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงต่อผู้ต้องสงสัยผิวสีอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ
การประท้วงเกิดขึ้นในหลายเมืองทั้งในนิวยอร์ก วอชิงตันและลอสแองเจลิส แต่จุดที่มีการประท้วงรุนแรงคือที่หลุยส์วิลล์ บ้านเกิดและที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงน.ส.เทย์เลอร์จนเสียชีวิตในอพาร์ตเมนต์ของเธอเมื่อวันที่ 13 มีนาคม
เปิดตารางการดีเบต “ทรัมป์ –ไบเดน”ก่อนลงคะแนนเลือกผู้นำสหรัฐฯ 3พ.ย.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันและนายโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต คู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้ง 3 พ.ย.จะพบหน้ากันครั้งแรกในการโต้วาทีหรือดีเบตนัดแรกเช้าวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาในประเทศไทย การดีเบตระหว่างคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีขึ้นทั้งหมด 3 ครั้ง
-29 ก.ย. 15 ต.ค. และ 22 ต.ค.ระหว่างเวลา 21.00-22.30 น.ตามเวลาตะวันออกสหรัฐฯ หรือตรงกับเวลา 09.00-10.30 น. วันรุ่งขึ้นตามเวลาในไทย มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์โดยไม่มีโฆษณาคั่น
-การดีเบตนัดแรกระหว่างนายทรัมป์วัย 74 ปี กับนายไบเดนวัย 77 ปี จะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์นรีเสิร์ฟ เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ มีนายคริส วอลเลซ ผู้ประกาศของของสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เป็นผู้ดำเนินรายการ แบ่งออกเป็น 6 ช่วง ๆ ละ 15 นาที คณะกรรมการการโต้วาทีประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นายวอลเลซ เลือกไว้ 6 หัวข้อ ได้แก่ ผลงานของนายทรัมป์และนายไบเดน การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาล โรคโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ การเหยียดสีผิวและความรุนแรงในเมืองต่างๆ ความซื่อสัตย์ในการเลือกตั้ง ทั้งสองคนมีเวลาตอบหัวข้อละ 2 นาที
-การดีเบตนัดที่สองจะจัดขึ้นที่ศูนย์เอเดรียนอาร์ชต์ด้านศิลปะการแสดง เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา มีนายสตีฟ สคัลลี บรรณาธิการการเมืองเครือข่ายโทรทัศน์เคเบิลและดาวเทียมซี-สแปนเป็นผู้ดำเนินรายการ ใช้รูปแบบการประชุมที่ศาลาว่าการเมืองหรือทาวน์ฮอลล์ ให้ชาวรัฐฟลอริดาที่ได้รับเลือกให้เข้าฟังเป็นผู้ถามคำถาม ให้เวลาผู้สมัครตอบคนละ 2 นาที
-การดีเบตนัดที่สามจะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเบลมอนต์ เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี มีนางคริสเทน เวลเกอร์ ผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) เป็นผู้ดำเนินรายการ ใช้รูปแบบเดียวกับการดีเบตนัดแรก
ศูนย์วิจัยพิว พบว่า ยอดการชมลดลงในการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา แต่หลายล้านคนก็ยังชมอย่างสม่ำเสมอ เพราะมองว่าการแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถามระหว่างการดีเบตมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกผู้สมัคร
ข้อมูลของนีลเซนมีเดียรีเสิร์ช ระบุว่า การดีเบตครั้งแรกระหว่างนายทรัมป์กับนางฮิลลารี คลินตันในการเลือกตั้งปี 2559 มีคนชมมากเป็นประวัติการณ์ถึง 84 ล้านคน
รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี กักตัวเอง ประชุมร่วมกับคนติดเชื้อ
นายปีเตอร์ ไอต์ไมเออร์ รัฐมนตรีกิจการเศรษฐกิจและพลังงาน วัย 62 ปี เป็นรัฐมนตรีคนที่สองของเยอรมนีที่กักตัวที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าสหภาพยุโรปหรืออียูที่เขาเป็นประธาน มีผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก นายปีเตอร์ จึงกักตัวเองเพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้าแม้ว่าผลตรวจหาเชื้อรอบแรกจะออกมาเป็นลบและเขายังสบายดี
เยอรมนีเป็นประธานคณะมนตรีอียูวาระ 6 เดือนในปัจจุบัน เป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีการค้าอียูอย่างไม่เป็นทางการระหว่างวันที่ 20-21 ก.ย.ที่กรุงเบอร์ลิน
รัฐมนตรีเยอรมนีคนแรกที่เข้ารับการกักตัว คือ นายไฮโก มาส รัฐมนตรีต่างประเทศ วัย 54 ปี เพราะหนึ่งในทีมรักษาความปลอดภัยตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา ผลตรวจหาเชื้อรอบแรกของนายมาส เป็นลบ ก่อนหน้านี้ในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดหนักในเดือนมี.ค. นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี วัย 66 ปี กักตัว 14 วัน หลังจากทราบว่าแพทย์ที่เธอพบติดเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ผลตรวจของเธอเป็นลบทุกครั้ง
กังวลเพิ่มขึ้น!ระบบสาธารณสุขเมียนมา ไม่สามารถรองรับคนติดเชื้อพุ่งขึ้นได้
กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมา แถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงมีจำนวนสูงถึง 1,000 คน เป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ทำให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 8,344 ราย นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 150 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นถึง 4 เท่าในเดือนที่แล้ว นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบการแพร่ระบาดที่รัฐยะไข่
ทางการเมียนมา กักตัวประชาชนมากกว่า 45,000 คน ประกอบด้วย ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 คนที่ยังไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย รวมถึงแรงงานที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ในศูนย์กักตัวต่างๆ ตั้งแต่โรงเรียน วัด อาคารสำนักงานรัฐ เป็นต้น ซึ่งศูนย์ส่วนใหญ่เหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของอาสาสมัคร
นายจ่อ ซาน ไว ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข กล่าวว่า การกักตัวใช้ได้ผลในช่วงที่พบการระบาดรอบแรกและมีผู้ติดเชื้อน้อย แต่เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น อาจจะต้องมีมาตรการอื่นๆเพิ่มเติม เนื่องจาก ระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสร้างสถานพยาบาลและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเพื่อให้เหมาะสมกับสัดส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อ มีการรายงานภาพสถานพยาบาลที่ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา ผู้ป่วยติดเชื้อถูกบังคับให้แบ่งห้องร่วมกันกับคนที่ยังไม่ได้ตรวจหาเชื้อ
ระบบสาธารณสุขของเมียนมา อยู่ในกลุ่มที่มีระบบสาธารณสุขอ่อนแอที่สุดในโลก และจนถึงต้นปี 2563 พม่ามีเตียงสำหรับผู้ป่วยหนักเพียง 330 เตียง สำหรับประชากร 54 ล้านคน องค์การอนามัยโลก กำหนดให้จำนวนแพทย์ต่อประชากรไว้ที่ 6.7 คนต่อประชากร 10,000 คน
ฮ่องกง เพิ่มประเทศอังกฤษ เสี่ยงสูงติดโควิด-19
รัฐบาลฮ่องกง ประกาศเพิ่มชื่อประเทศอังกฤษในรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงสูงด้านการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการประกาศดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.
-คนที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศดังกล่าวจะต้องแสดงเอกสารยืนยันว่ามีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนที่จะสามารถขึ้นเครื่องบินมาที่ฮ่องกง
การประกาศของรัฐบาลฮ่องกงเกิดขึ้น หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษ ออกมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีผลบังคับใช้นานถึง 6 เดือน
-ให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน หากสามารถทำได้
- ผับและร้านอาหารจะต้องปิดร้านตั้งแต่เวลา 22.00 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี
-ประชาชนห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 6 คน
-กำหนดสถานที่มากขึ้นที่บังคับให้ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับภาคธุรกิจและประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล