ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2563

24 กันยายน 2563, 18:59น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2563



อนุทิน ไม่ยอม เอาเงินภาษีประชาชน ‘ปู้ยี่ปู้ยำ’ กรณีทุจริตบัตรทอง



          หลังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยกเลิกสัญญาคลินิกและ รพ.เอกชนใน กทม. ที่ทุจริตการเบิกจ่ายงบ จนกระทบผู้มีสิทธิบัตรทองกว่า 1 ล้านคน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำชับให้ไม่มีการเรียกเก็บเงินในการขอข้อมูลเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้เป็นความผิดพลาดจากสปสช. หากเกิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม สปสช.ต้องรับผิดชอบ ประชาชนไม่ได้ผิดอะไร 



          นายอนุทิน ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มันไม่จบแค่นี้ ต้องหาความจริงให้ได้ และไม่ใช่เลิกรากันไป ต้องดำเนินคดีคนทำผิด คนร่วมทำผิด นี่ถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญมาก เอาเงินภาษีประชาชนในการดูแลสุขภาพประชาชนคนไทย ไปปู้ยี่ปู้ยำแบบนี้ งานก็ไม่ทำ ส่งแต่บิลเรียกเก็บเงิน ใครจะไปยอมได้ “ผมก็ไม่ยอมอยู่แล้ว”



          ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ขณะนี้แนวทางแก้ไขที่ สปสช.เร่งดำเนินการ คือเตรียมเพิ่มคู่สายในเบอร์สายด่วน 1330 จากเดิม 60 คู่สาย เป็น 1,000 คู่สาย ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ ส่วนใหญ่พบเป็นคำถามซ้ำๆ เพราะประชาชนตกใจที่มีการยกเลิกสัญญากับคลินิก ขอย้ำว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นเฉพาะที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ซึ่งมีคลินิกชุมชนอบอุ่นทั้งหมดประมาณ 200 แห่ง โดยขณะนี้มีคลินิกที่พบการทุจริตต้องยกเลิกสัญญาไปแล้ว 82 แห่ง ส่วนล็อตหลังที่พบว่ามีความผิด 106 แห่ง ยังไม่ได้ยกเลิกสัญญา อยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย



"แล้วแต่เขา" นายกฯ บอกหลังม็อบชุมนุม กดดันแก้รธน.



          หลังเดินทางกลับจากจังหวัดเชียงราย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางกลับจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจ.เชียงราย โดยตอบคำถามเพียงสั้นๆ เมื่อถูกถามว่า ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมที่หน้ารัฐสภาหรือไม่ว่า “ทราบจ๊ะ”

          ส่วนกังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการกดดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ก็แล้วแต่เขา" ก่อนเดินทางขึ้นรถกลับทันที

          ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯขอให้คำนึงถึงความสงบเรียบร้อย ทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมาย อยากให้มีการพูดคุยกัน ถือเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องปกติที่หลายฝ่ายแสดงออก แสดงความคิดเห็นให้ดูว่ามีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ขอให้อยู่ภายใต้ระเบียบและกฎหมาย  ทั้งนี้ขอย้ำว่าไม่ได้ปิดกั้น และคิดว่าไม่มีอะไร เชื่อว่าเจ้าที่ตำรวจสามารถดูแลความเรียบร้อยได้เป็นอย่างดี



ส.ว. ย้ำ ค้าน แก้รธน.อ้างสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เอื้ออำนวย



          การประชุมร่วมของรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติด่วน 6 ญัตติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่ 2 โดย ส.ว.ยังคงอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ อาทิ นายถวิล เปลี่ยนศรี กล่าวว่า ยังไม่สามารถเห็นด้วยกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 6 ฉบับ โดยเฉพาะ มาตรา 256 ในหลักการพอรับได้ แต่รายละเอียดยังทำใจรับไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญแม้เป็นกฎหมายสูงสุด แต่ไม่ใช่ชีวิตของประชาชน รัฐธรรมนูญแก้ไขปัญหาอดอยาก เหลื่อมล้ำ แก้เจ็บป่วย หรือแม้แต่ยับยั้งโควิด-19 ก็ไม่ได้ ฉะนั้น อย่าคาดหวังว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ได้ รัฐธรรมนูญปี 40 ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุด แต่แล้วก็ไปไม่ได้ อะไรที่ไม่ได้ห้ามไว้ ก็ถูกผู้ใช้รัฐธรรมนูญบิดเบือน



          ด้านพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. อภิปรายว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าไปร่างฉบับใหม่เป็นประวัติศาสตร์ที่วนเวียนซ้ำซากไม่รู้จบสิ้น เหตุการณ์ครั้งนี้เคยเกิดในสมัยปี 2555 สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นเรื่องทำนองเดียวกับปัจจุบัน ที่พรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลเสนอ โดยการแก้ไขครั้งนี้ผู้เสนอญัตติให้เหตุผลว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลต่อโครงสร้างสถาบันในสังคมและส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง จึงต้องแก้ไขเพื่อระงับความขัดแย้ง

          ด้าน นายกล้านรงค์ จันทิก ส.ว.อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญเมื่อผ่านการลงประชามติของประชาชนมาแล้ว และเมื่อตราเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ฉะนั้น รัฐธรรมนูญฉบับนั้นมาจากประชาชน พร้อมตั้งคำถามประกอบการลงมติญัตติทั้งหมดมี 6 ญัตติ ขอถามไปยังเจ้าของญัตติ (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ผู้นำฝ่ายค้าน ถ้าสมมุติเราเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในญัตติที่ 1 และญัตติที่ 2 คือ แก้ไขมาตรา 256 ใหม่ แต่เราไม่เห็นด้วยกับญัตติที่ 3 ถึง ญัตติที่ 6 ส.ส.ร.ที่เราจะตั้งนั้นสามารถจะหยิบยกจุดที่รัฐสภานี้ไม่เห็นด้วยกลับมาดำเนินการใหม่ได้ไหม



          หลังจากเปิดให้ตัวแทนผู้เสนอญัตติอภิปรายสรุป ต่อมานายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เสนอ ให้ตั้งกมธ.พิจารณาก่อนรับหลักการ โดยเสนอให้ที่ประชุมตั้งกมธ.พิจารณาก่อนรับหลักการขึ้นมา 1 คณะ เพื่อให้กมธ.มาจากตัวแทนสมาชิกส.ว. พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันศึกษาวินิจฉัยร่างทั้ง 6 ฉบับให้ครบถ้วน จะได้จัดทำรายงานทั้ง 3 ฝ่ายเสนอต่อรัฐสภาโดยเร็ว เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกรัฐสภาพิจารณาวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับหลักการในคราวประชุมหน้า



          ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย มองว่า ข้อเสนอตั้งกมธ.ศึกษา 3 ฝ่ายนั้น เรากลัวว่าจะเป็นทางล้มเหลว จึงขอคัดค้าน และเกิดข้อกังวลว่าถูกหลอกหรือไม่ และถ้านำเรื่องนี้ไปศึกษา 1 เดือน ให้หลักประกันได้หรือไม่ว่าจะรับหลักการ ตกวันนี้กับตกวันหน้า อะไรเจ็บกว่ากัน



          ก่อนหน้านี้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล อภิปรายสรุปญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเปรียบเทียบการพิจารณาทั่วไปที่มีความราบรื่น แต่การอภิปรายตลอด 2 วันก็มีถ้อยเสียดสี เนื่องจากความเห็นที่ต่างกัน และไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีคำถามว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ได้หรือไม่ แก้แล้วประชาชนได้อะไรบ้าง



          นายวิรัช กล่าวว่า วันนี้หากมีการลงมติอย่างหนึ่งอย่างใดแล้วญัตติต้องตกไป เป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่ถ้าจะช้าไปอีก 1 เดือน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่คุ้มค่า ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่อย่างไรประเทศต้องปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งยืนยันว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมจะไม่แตะตรงนี้



ดีอีเอส ดำเนินคดีสื่อออนไลน์ ปล่อยผ่านข้อความหมิ่น



          การดำเนินคดีกับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ส่งต่อข้อความในลักษณะหมิ่นสถาบัน ในช่วงระหว่างการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาวันที่ 19-20 กันยายน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อม นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดีอีเอส เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. และ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.สอบสวน กก.3 บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม



          ทั้งนี้ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงดีอีเอส ได้ขอคำสั่งศาลพร้อมส่งจดหมายเตือนไปยัง เฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์ ให้ปิดกั้นข้อมูลที่ผิดกฎหมายตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภายใน 15 วัน แต่ที่ผ่านมา แม้แฟลตฟอร์มโซเชียลดังกล่าวจะได้รับจดหมายเตือนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ให้บริการบางรายให้ความร่วมมือไม่เต็มที่ แบ่งเป็น



เฟซบุ๊ก 661 ลิงก์ ปิดให้แล้ว 225 ลิงก์ เหลืออีก 436 ลิงก์



ยูทูบ 289 ลิงก์ ปิดทั้งหมดเมื่อคืนวานนี้



ทวิตเตอร์ 69 ลิงก์ ปิดแล้ว 5 ลิงก์ เหลือ 64 ลิงก์ และ



อินสตาแกรม 1 ลิงก์



          ดังนั้น จึงต้องรวบรวมหลักฐานนำส่งตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ใช้กฎหมายดังกล่าวเอาผิดผู้ให้บริการ โดยกระทรวงฯ จะฟ้องไปยังบริษัทแม่ของทุกองค์กร ซึ่งตำรวจจะใช้กฎหมายไทยเป็นแนวทางการดำเนินคดี เพราะความผิดเกิดขึ้นที่ประเทศไทย เบื้องต้นเชื่อว่าตำรวจจะสามารถดำเนินคดีได้ไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะอยู่ที่ใด ซึ่งนอกจากกลุ่มที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกกลุ่มที่ดีอีเอสกำลังรวบรวมข้อมูลกว่า 3,000 รายการ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามก ละเมิดสถาบัน ยาเสพติด และการละเมิดลิขสิทธิ์



          นอกจากนี้ ในช่วงการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ดีอีเอส ได้ติดตามการใช้สื่อโซเชียลตามช่องทางต่างๆ พบว่ามี 5 ราย ที่กระทำผิดตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหายุยงปลุกปั่น แบ่งเป็นเฟซบุ๊ก 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นแอดมิน แต่ไม่มีกลุ่มตลาดหลวง และยังมีทวิตเตอร์อีก 3 ราย เป็นแกนนำกลุ่มนักศึกษา



          ด้านพ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจจะดำเนินการใน 2 ส่วน สำหรับผู้ให้บริการที่ไม่ปิดกั้นข้อมูลแม้มีคำสั่งศาลไปแล้ว จะใช้อำนาจกฎหมายตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษตามมาตรา 27 ปรับเป็นเงินโพสต์ละ 200,000บาท และปรับเพิ่มเป็นรายวันๆ ละ 5,000 บาท ส่วนคดีมีผู้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมช่วงการชุมนุมก็จะสืบสวนตามขั้นตอนต่อไป สำหรับ  1 ใน 5 แกนนำนักศึกษาที่กระทรวงดีอีเอสจะแจ้งความดำเนินคดีนั้นคือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน



ทองปรับตัวลดลง 8 ครั้ง ปิดตลาดลดลง 250 บาท



          สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำประจำวันนี้ มีการปรับเปลี่ยนระหว่างวัน 8 ครั้ง ทำให้ราคาทองคำวันนี้ ปรับตัวลดลง 250 บาท หลายรอบ มีรายละเอียดดังนี้



ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 27,650   ขายออกบาทละ 27,750



ราคาทองคำรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 27,151.56 ขายออกบาทละ  28,250



หุ้นไทยติดลบ 16.55 จุด



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,247.46 จุด ลดลง 16.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,230.84 ล้านบาท จากปัจจัย ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทางฝั่งยุโรป ระลอก 2 ทำให้วิตกจะกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อีกทั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็ยังมีความเป็นห่วงเศรษฐกิจที่อาจจะฟื้นตัวล่าช้า ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น



          สำหรับไทยแม้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่ก็เผชิญผลกระทบทางอ้อม จากที่ไทยมีรายได้อิงการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ยังปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยปี 64 โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 64 จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.6 จากเดิมคาดการณ์ขยายตัวร้อยละ 5.0 หลังปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลงเหลือแค่ 9,000,000คนในปี 2564 อีกทั้งตลาดบ้านเรายังเผชิญแรงกดดันจากการชุมนุมทางการเมืองด้วย



          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลงในวันนี้ หลังนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ในยุโรปด้วย ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 23,087.82 จุด ลดลง 258.67 จุด



          ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดวันนี้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ปิดวันนี้ที่ 2,272.7 จุด ลดลง 60.54 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดวันนี้ที่ 23,311.07 จุด ลดลง 431.44 จุด



จีนพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ในรัสเซีย ไม่มีผลข้างเคียง



         หนังสือพิมพ์เดอะ มอสโกไทมส์ของรัสเซียว่าวัคซีนตัวเลือกเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทจีนชื่อ CanSino Biologics ไม่มีผลข้างเคียงในกลุ่มอาสาสมัครในการทดลองที่กรุงมอสโกของรัสเซียหลังจากรัสเซียได้อนุมัติการทดลองเฟส 3 เพื่อประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้ที่พัฒนาโดยบริษัทยาของจีน อาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะถูกควบคุมดูแลโดยตรงเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน โดยระหว่างนี้จะมีการตรวจอาการแบบต่อหน้า 4 ครั้ง และจะต้องเข้ารับการตรวจควบคุมเมื่อผ่านไป 6 เดือน คาดว่า การวิจัยดังกล่าวน่าจะได้ผลการทดลองเบื้องต้นในเดือนพ.ย.นี้ โดยเมื่อรัสเซียขึ้นทะเบียนวัคซีนดังกล่าวแล้ว บริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนได้เดือนละ 4,000,000โดสในปีนี้ และเดือนละ 10 ล้านโดสในปีหน้า



          ด้าน Worldometer รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 32,131,180 คน และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 982,517 ราย สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก 7,140,137 คน  รองลงมาคืออินเดีย 5,737,197คน, บราซิล 4,627,780คน, รัสเซีย 1,128,836คน , โคลอมเบีย 784,268 คน  และเปรู 782,695 คน

ข่าวทั้งหมด

X