*ศาลไม่ให้ประกันตัว ส่ง2ผตห.โกงเงิน สจล. คุมขังเรือนจำมีนบุรี *

27 ธันวาคม 2557, 18:13น.


หลังพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้คุมตัว นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 26 ปี และนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ อายุ 32 ปีผู้ต้องหาลักทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ไปส่งฝากขังยังศาลมีนบุรี เนื่องจากได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองจะครบกำหนด 48 ชั่วโมงในวันที่ 28 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของศาล และการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบพยานบุคคลอีก 30 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติต้องโทษของผู้ต้องหา



โดยพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวนายพูนศักดิ์เพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ส่วนนายจริวัฒน์ พนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวศาลสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขัง



หลังจากเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองแล้ว มีญาติของ นายพูนศักดิ์ยื่นคำรองของปล่อยชั่วคราว แต่ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ส่วนนายจริวัฒน์ไม่มีใครยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีต่อไป



ส่วนในวันนี้  ตำรวจกองปราบปรามอายัดตัว น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง ผู้ต้องหาโกงเงินสถาบันที่ป่วยเป็นเบาหวานและพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ก่อนถูกแจ้งข้อหาย้ายมาพักรักษาที่ รพ.ตำรวจแทนเพื่อง่ายแก่การดูแลรักษาและสอบปากคำในฐานะผู้ต้องหา เบื้องต้น แพทย์นำเข้าตรวจร่างกายในห้องฉุกเฉิน เช็กสภาพอาการอย่างละเอียด ก่อนคุมตัวขึ้นห้องพักอาคารเฉลิมเกียรติ รพ.ตำรวจ มีญาติตามไปดูแลใกล้ชิด



ด้าน พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. หัวหน้าคณะทำงานสืบสวนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ประมวลหลักฐานทั้งหมดเพื่อดูว่ายังต้องหาอะไรเพิ่มอีกบ้าง  เรื่องนี้มีความโยงใย หลายอย่าง มีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคนที่มีส่วนได้เสีย แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับใครบ้าง



ส่วนความเชื่อมโยงนายทรงกลด นายพูลศักดิ์ นายจิรวัฒน์ นายกิตติศักดิ์ และนายสมบัติ รวมทั้ง น.ส.อำพร จากการตรวจสอบข้อมูลต่างๆพบว่ารู้จักกันมานานแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่บอกว่า เพิ่งรู้จักกันแล้วจะโอนเงินมาให้มากมายขนาดนั้น ถ้าไม่สนิทกันมาก ไม่คิดว่าจะถูกโกงบ้างหรือ ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลแล้ว  ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยัง กลต.ให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการซื้อหุ้นของ น.ส.อำพรด้วย คาดว่า น่าจะมีเงินส่วนนี้ไปอยู่ในตลาดหุ้น เพราะจากเอกสารที่พบของ น.ส.อำพรมีการซื้อหุ้นเมื่อปี 2547 เกือบ 6 ล้านบาท ปี 2548-2549 ก็มี ตำรวจหวังว่าเพื่อจะได้ตรวจสอบเส้นทางเงินที่หายไป



ส่วนตัวนายทรงกลด พบว่า หลังจากที่ออกจากธนาคารไทยพาณิชย์แล้วมาเข้าทำงานต่อที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เข้ามาได้อย่างไร ทำไมถึงเข้ามาอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการได้ มันมีอะไรหลายอย่างที่เจ้าหน้าที่พบ  ด้าน พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผกก.1 บก.ป. ให้สัมภาษณ์ว่า จากการสอบปากคำนายพูลศักดิ์ พบว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกัน และพบว่าเงินในบัญชีของนายพูลศักดิ์มี 85 ล้านบาท เป็นเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 80 ล้านบาท อีก 5 ล้านบาท เป็นเงินที่นายทรงกลดโอนมาให้ แต่นายพูลศักดิ์ยังคงให้การไม่มีส่วนรู้เห็น บอกเพียงว่า นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด เป็นเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนขอให้เปิดบัญชีเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่พบความผิดสังเกตในตัวเงินและพฤติกรรมการใช้จ่าย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ประมาณเดือน ต.ค.นายพูลศักดิ์ซื้อบ้านราคา 24 ล้านบาท ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ ซื้อด้วยเงินสด หลังจากนี้จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง



สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งสามคนที่พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับเพิ่มพบว่า เป็นเพื่อนที่รู้จักกันผ่านการเที่ยวสถานบันเทิง นายกิตติศักดิ์ มีอาชีพเปิดโมเดลลิ่ง รับจัดหานายแบบหรือนางแบบ นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของบริษัทมัทธุจัด จำกัด และ บริษัทเคพีพี โปรดักชั่น จำกัด ขณะที่นายจิรวัฒน์ และนายพูลศักดิ์ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร แต่นายพูลศักดิ์มีนิสัยเป็นหนุ่มเจ้าสำราญชอบเที่ยวเตร่ ใช้เงินอู้ฟู่ ทำให้มีหญิงสาวมากหน้าหลายตามาติดพัน ตำรวจพบข้อมูลด้วยว่า นายพูลศักดิ์ยังมีคอนโดหรู ชื่อว่าคอนโดเดอะคีย์ย่านแจ้งวัฒนะ และโอนเงินเข้า บัญชีนายสมบัติ โสประดิษฐ์ 6 ล้านบาท ส่วนของนายกิตติศักดิ์ พบว่ามีบ้านราคา 35 ล้าน ย่านราชพฤกษ์



แฟ้มภาพ

ข่าวทั้งหมด

X