ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ลงนามหลักการทางด้านการทหาร ซึ่งระบุว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เป็นปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่สำคัญของรัสเซีย โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา การลงนามดังกล่าวมีขึ้นหลังรัฐสภาของยูเครนลงมติยกเลิกสถานะประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือประเทศเป็นกลาง อันจะเป็นการปูทางไปสู่การเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตในอนาคต ซึ่งการลงมติได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับรัสเซีย ซึ่งมองว่าการเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกกับพันธมิตรด้านการทหารของนาโตจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของยูเครนเอง ทั้งยังนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างรัสเซียกับประเทศตะวันตก นับตั้งแต่การสิ้นสุดสงครามเย็น หลังจากรัสเซียผนวกรวมคาบสมุทรไครเมียของยูเครนในปีนี้ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่า ยูเครนยังต้องใช้เวลาหลายปีในการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการเข้าเป็นสมาชิกนาโต และยังมีความไม่แน่นอนว่า นาโตพร้อมที่จะตัดสินใจรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกหรือไม่ ทั้งนี้ นาโตจำเป็นต้องประเมินความพร้อมของยูเครนในการเข้าเป็นสมาชิกนาโตเช่นเดียวกับประเทศสมาชิกอื่น ขณะที่รัสเซียระบุในสัปดาห์นี้ว่า หากยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต รัสเซียจะตัดความสัมพันธ์ที่เหลือกับยูเครนทั้งหมด เพราะการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนเท่ากับเป็นปราการด่านหน้าท้าทายรัสเซีย
ประธานาธิบดีปูติน มองการที่ นาโต พยายามขยายอิทธิพลทางทหารในยุโรปตะวันออก และเข้ามาประชิดติดพรมแดนของรัสเซีย คือภัยคุกคามจากภายนอกขั้นร้ายแรงที่สุดนอกจากนี้ ยังถือเป็นครั้งแรกที่หลักนิยมทางทหารของรัฐบาลรัสเซีย มีเนื้อหาระบุให้กองทัพสามารถใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงในด้าน ความแม่นยำและการทำลายล้าง เพื่อสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ของมาตรการป้องกันเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ไม่มีใจความส่วนใดระบุกรอบระยะเวลาในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจนต่อมาไม่นาน นาโตออกแถลงการณ์ปฏิเสธการเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อรัสเซีย แต่เตือนความเคลื่อนไหวด้านกลาโกมครั้งล่าสุดของรัฐบาลรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างด้านความมั่นคงของยุโรปโดยรวม