ไทยเที่ยวไทย ยังไม่พอ! รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ ย้ำจำเป็นต้องเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย

         ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวตอบกระทู้ถามสดในรัฐสภาในประเด็นนี้ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ หาทางให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศให้เร็วที่สุดอีกครั้ง โดยจะเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. และ ศูนย์บริหารเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ ศบศ. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเพราะภาคการท่องเที่ยวไทยขยายมากเกินกว่าที่จะพึ่งนักท่องเที่ยวภายในประเทศ หากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจุนเจือทั้งระบบทั้ง 13 สาขาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว จะมีแรงงานตกงาน 4 ล้านคน ซึ่งขอความกรุณาจากนายกรัฐมนตรี และ ครม. ช่วยพิจารณาเรื่องนี้

          นายพิพัฒน์ ย้ำว่า หากเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในไทยจะต้องกักตัว 14 วัน เหมือนคนไทยที่เข้ามาจากต่างประเทศ เป็นไปตามกติกาของ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เชื่อว่ารัฐบาลจะเปิดให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้

          สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จะเสนอขอขยายเวลาไปถึง 31 ธ.ค. หลังจากมีผู้ออกมาใช้สิทธิเพียงกว่า 8 แสนคน ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว คนไทยชอบไปทางภาคเหนือและอีสานที่มีอากาศหนาวเย็น โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า

          นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มเงื่อนไขนอกจากประชาชนได้ใช้สิทธิ์ได้แล้ว จะเปิดให้บริษัทใหญ่ๆ ซื้อแพกเกจนี้ไปแจกลูกค้าหรือพนักงานได้

          นอกจากนี้ จะให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปเจรจากับบริษัทบางกอกแอร์เวย์ เพื่อลดราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับสมุยจากปกติ 1.2 หมื่นบาทต่อคน เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวได้มากขึ้น

          นายพิพัฒน์ กล่าว่า ประเทศไทยประกาศปิดประเทศตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไม่ได้จนถึงปัจจุบัน โดยในเดือน มิ.ย. 2563 ประเทศไทยประกาศเริ่มให้คนไทยเที่ยวในประเทศ ซึ่งช่วยการท่องเที่ยวได้บ้าง เพราะการท่องเที่ยวของคนไทยคิดเป็นรายได้ 1 ใน 3 ของรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด

          ในปี 2562 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 3 ล้านล้านบาท เป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท

          ดังนั้นในปี 2563 จะนำรายได้การท่องเที่ยวของคนในประเทศ มาฉุดกระชากให้การท่องเที่ยวดีเหมือนปีที่แล้ว เป็นไปไม่ได้ เพราะภาคบริหารท่องเที่ยวขยายตัวมากกว่าความเป็นจริง ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

          ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีการปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลน ให้ไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน มีการจ่ายเงินเดือนให้มัคคุเทศก์ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน และบริษัททัวร์ก็ลดเงินประกันให้ร้อยละ70 และมีการประสานงานกับกระทรวงแรงงานจ่ายเงินชดเชยประกันสังคมให้กับผู้ตกงาน